เที่ยวสังขละบุรี สะพานมอญ ด่านเจดีย์สามองค์
จากตอนที่แล้ว –> เที่ยวทองผาภูมิ ปิล๊อก สุดเขตประเทศไทย เราออกจากฐานปฏิบัติการช้างศึก ตอน 4 โมงเย็น มุ่งหน้าไปทาง อ.สังขละบุรี โดยที่ยังไม่มีที่นอนในคืนนี้ เส้นทางไป อ.สังขละบุรี ดูเงียบ ไม่ค่อยมีผู้คน ระหว่างทางพอมีที่พักบ้าง แต่พอลงไปดูแล้วเงียบ วังเวงเกิน จนไม่กล้าจะนอน เลยตัดสินใจขับรถยาวไปที่ อ.สังขละบุรี แล้วไปหาที่พักเอาที่นั่นเลย
ก่อนที่จะถึงสังขละบุรี ผมขอเล่าถึงความเป็นมาของสังขละบุรีอย่างคร่าวๆ อ.สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี เป็นอำเภอชายแดนที่มีพื้นที่ติดกับประเทศพม่า แต่ก่อนนั้นมีชื่อว่า อ.วังกะ ในปี พ.ศ. 2508 ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ อ.สังขละบุรี ภูมิประเทศของ อ.สังขละบุรี เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มีภูเขา และแม่น้ำสามสายมารวมกันเป็นแม่น้ำสามประสบ ที่สังขละบุรีมีชาวมอญอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวมอญมีวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่เรียบง่าย ธรรมมะธรรมโม ชอบเข้าวัด จิตใจดี
เรามาถึง อ.สังขละบุรี ตอน 1 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลาเดินทางจากทองผาภูมิประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า โค้งค่อนข้างเยอะครับ ตอนแรกว่าจะไปพักที่ สามประสบรีสอร์ท แต่พอลองโทรเช็คแล้ว ที่พักเต็ม เลยเปลี่ยนแผนมาพักที่ สวนแมกไม้รีสอร์ท รีสอร์ทนี้อยู่ใกล้สามประสบรีสอร์ท และ สะพานมอญ ทำเลค่อนข้างดีครับ
เข้าไปติดต่อห้องพักที่ Front มีห้องว่างอยู่ 2 แบบ เป็นห้องวิวสะพานมอญ ลำน้ำซองกาเลีย และห้องไม่เห็นวิว ห้องวิวราคา 1,000 บาท และห้องไม่เห็นวิวราคา 800 บาท ทั้งสองห้องนี้มีอาหารเช้าให้
Link. เช็คราคา โปรโมชั่น สวนแมกไม้รีสอร์ท
เรามาถึงมืดซะขนาดนี้ไม่รู้จะเอาวิวไปทำไม เอาราคาถูกดีกว่า เลยจัดห้อง 800 บาทไป
ห้องที่เราพักจะอยู่ชั้นล่าง คล้ายๆ ชั้นใต้ดิน เดี๋ยวเข้าไปดูในห้องกันครับ
ภายในห้องยังดูใหม่อยู่ เฟอร์นิเจอร์ส่วนมากเป็นไม้ สงสัยไม้ที่นี่ราคาถูกมั้งครับ ในห้องมีกลิ่นอับเล็กน้อย สงสัยอากาศไม่ค่อยถ่ายเท
ผ้าม่านที่อยู่หน้าห้องบางไปหน่อย ปิดผ้าม่านแล้วแสงไฟทางเดินยังเข้ามาได้ ทำให้ห้องไม่มืด ส่วนตัวแล้วผมชอบนอนมืดๆ ครับ สว่างแล้วจะนอนไม่ค่อยหลับ
ภายในห้องมี TV, น้ำดื่ม 2 ขวด, ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน
ในห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ห้องน้ำดูใหม่ ความสะอาดในขั้นพอใช้
มื้อเย็นเราทานข้าวกันที่รีสอร์ทเลย อาหารอร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่แพงครับ เนื่องจากว่าหิวจัด และแสงไม่ค่อยมี เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู
ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน เนื่องจากว่าเหนื่อยมาก นั่งรถมาไกล ตื่นมาก็ทีก็ 7 โมงเลย สงสัยจะไม่ทันไปถ่ายรูปใส่บาตร ที่ฝั่งมอญแน่เลย
ไหนๆ ก็สายแล้ว กินข้าวเช้าเลยละกัน วิวจากที่ทานอาหารของสวนแมกไม้รีสอร์ท จะเห็นลำน้ำซองกาเลีย กับวิวภูเขา เช้าๆ จะมีหมอกสีขาวลอยออกมาจากภูเขา
อาหารเช้าที่นี่มีข้าวต้มหมูอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นให้เลือก
ชา กาแฟ ไมโล ชงเองได้เลยครับ
ห้องอาหาร สวนแมกไม้รีสอร์ท
ระหว่างรอข้าวต้มมาเสริฟ ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ
สังเกตุว่าพนักงานของรีสอร์ทเป็นคนมอญ การบริการของพนักงานก็ค่อนข้างดีนะครับ
ข้าวต้มหมูมาแล้วครับ รสชาติโอเคอยู่ ทานหมดก็อิ่มพอดี ไม่มากไม่น้อยไป ทานเสร็จเดินออกไปทาง Front เจอเก้าอี้ตัวนี้ยกขึ้นที่สูง
เก้าอี้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงเสด็จเยี่ยมชม และเสวยพระกระยาหาร เป็นการส่วยพระองค์ ณ สวนแมกไม้รีสอร์ท เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ด้านหน้ารีสอร์ทมีที่จอดรถกว้าง จอดได้หลายคัน
ด้านหน้าทางเข้าสวนแมกไม้รีสอร์ท (เครือเจดีย์ภัณฑ์)
จากสวนแมกไม้รีสอร์ท ถ้าต้องการจะไปที่สะพานมอญ ก็เดินไปได้ครับเพียง 100 กว่าเมตร การเดินทางก็ง่ายๆ อออจากรีสอร์ทแล้วเลี้ยวขวา เดินไปจนสุดทางจนเจอกับสามประสบรีสอร์ท ให้เลี้ยวขวาตรงซอยข้างสามประสบรีสอร์ท จะมีทางเดินลงไปยังสะพานมอญ
ก่อนถึงสะพานมอญจะมีร้านกาแฟเก๋ๆ อยู่ ชื่อร้าน AREE COFFEE BEAN กาแฟสดแก้วละ 35-40 บาท ร้านนี้มีกาแฟจากมูลชะมดด้วยใครสนใจลองได้ครับ
Honda C70 สีส้ม รุ่นโบราณ ตั้งโชว์อยู่หน้าร้าน
ถึงแล้วครับสะพานมอญ โต๊ะด้านหน้าเป็นกล่องรับบริจาคซ่อมสะพานไม้
สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร สะพานแห่งนี้เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน สร้างโดยไม่ใช้เครื่องจักร โดยมีหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้นำชาวบ้าน สะพานสร้างข้ามลำน้ำซองกาเลีย จากบนสะพานสามารถมองเห็นลำห้วยสายต่างๆ คือซองกาเลีย, บีคลี่ และรันตี ไหลมารวมกันเป็นสามประสบ ถ้าเราเดินจากฝั่งรีสอร์ท ไปจนสุดสะพานก็จะเจอกับหมู่บ้าน ชุมชนชาวมอญ
ในตอนเช้าจะมีการใส่บาตรแถวๆ ฝั่งมอญ โดยทั่วๆ ไปแล้วคนมอญจะค่อนข้างธรรมะ ธรรมโม ชอบเข้าวัด ใส่บาตร ช่วงเช้าคนมอญจะเดินข้ามสะพานมาทำงาน ซื้อของฝั่งสังขละบุรี
คนไหนเป็นคนมอญดูได้ง่ายๆ ครับคนมอญจะชอบทาแป้งทะนาคาที่แก้ม แล้วก็ชอบเอาของเทินไว้บนหัว
ซุ่มรอดูสาวมอญ เดินผ่าน ช่วงสายนานๆ เดินผ่านทีครับ
ตีนสะพานมอญจะมีแพขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อาศัยอยู่กันเป็นชุมชนเล็กๆ บางแพก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก บางแพก็เป็นที่อยู่อาศัย
ถ้าใครมีเวลาเยอะหน่อย แนะนำให้ล่องเรือไปชมเมืองบาดาล วัดวังก์วิเวการามเก่า ต่อมามีการสร้างเขื่อนวชริลงกรณ์ เลยทำให้วัดนี้จมน้ำ สนใจเที่ยวติดต่อเรือได้แถวๆ สะพานมอญเลยครับ มีอยู่หลายเจ้า ราคาประมาณ 500-600 บาท นั่งได้ 10 คน
ดูสีน้ำที่ลำห้วยน้ำยังใสและเป็นธรรมชาติอยู่ มีคนหาปลา
แต่เเรามีเวลาไม่เยอะ เลยเน้นเดินถ่ายรูปเอาดีกว่า เดี๋ยวเย็นนี้เราก็ต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้วครับ
โคมไฟสวยๆ ที่สะพานมอญไม่แน่ใจว่าใช่กินรีหรือเปล่า
สะพานมอญ ที่เห็นในรูป เป็นสะพานมอญที่ได้มีการบูรณะใหม่ ไม้จะไม่ปะเยอะเท่ากับสะพานอันเดิม สะพานมอญอันใหม่จะเป็นสะพานตรงๆ ไม่คดเคี้ยวเหมือนสะพานมอญอันเก่า ที่สะพานเ่ก่านั้นคดเป็นเพราะกระแสน้ำพัดผ่าน ทำให้เสาขยับไปจากเดิม อาจจะดูไม่ขลังเท่าสะพานอันเก่า เท่าที่ได้เดินดูตัวสะพานแข็งแรงมากครับไม่โยกเลย สะพานนี้ให้คน กับ จักรยานผ่านได้เท่านั้น รถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ต้องใช้สะพานคอนกรีตที่อยู่ถัดไป
บ้านแถวนี้น่าจะเป็นบ้านชาวมอญ อยู่กันอย่างเรียบง่ายเป็นบ้านหลังคามุงจาก / สังกะสี ส่วนฝาผนังบ้านเป็นไม้สาน
บ้านหลังนี้ปลูกผักสวนครัวไว้ทานกินเองด้วย
ตากล้องที่ต้องการถ่ายรูปสะพานมอญจากด้านข้างโดยที่ไม่ติดสายไฟ ให้เดินไปจนสุดฝั่งมอญ แล้วเลี้ยวซ้าย จะมีนั่งร้านให้ขึ้นไปถ่ายรูปได้
มุมมองจะเป็นแบบนี้ครับ สะพานมอญที่มีการซ่อมแซมใหม่ มีเสาและโครงไม้ด้านล่างเยอะกว่าเดิมมาก เพื่อเสริมความแข็งแรง
หลังจากที่สมาชิกในทริปอาบน้ำ ทานข้าว เดินเล่นกันเสร็จแล้ว เราจะไปที่จุดชมวิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแมกไม้รีสอร์ท หรือชื่อที่เป็นทางการคือ จุดชมทิวทัศน์ เทศบาลตำบลวังกะ จุดชมวิวนี้ต้องขับรถข้ามสะพานคอนกรีตไปฝั่งตรงข้าม
ในรูปดานล่างมองเห็นสะพานมอญด้วย
หลังคาที่เห็นในรูปเหมือนเป็นห้องประชุมของทางเทศบาล
ถ้ามาถึงสังขละบุรีแล้ว มีอยู่สถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด สถานที่นี้คือเจดีย์พุทธคยา อยู่ที่ วัดวังก์วิเวการาม วัดนี้อยู่ห่างจากตัว อ.สังขละบุรีไปประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นวัดจำพรรษาของหลวงพ่ออุตตมะ หลวงพ่ออุตตมะเป็นพระที่คนมอญและคนไทยนับถือกันมากครับ
เจดีย์พุทธคยา เป็นเจดีย์ที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยหลวงพ่ออุตตมะ เป็นผู้คิดริเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 โดยใช้แรงงานคนมอญ ชาย – หญิง ในหมู่บ้านประมาณ 400 คน ปรับพื้นที่สำหรับก่อสร้างและเผาอิฐมอญขนาด กว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว หนา 3 นิ้ว จำนวน 260,000 ก้อน
พ.ศ. 2525 เริ่มสร้างเจดีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กฐานรูปสี่เหลี่นมจัตุรัส กว้าง / ยาว 42 เมตร สูง 59 เมา เสาเหล็ก 4 ทิศ จำนวน 16 ต้น
พ.ศ.2532 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีอัญเชิญ พระบามสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา 2 องค์ ขนาดเท่าเม็ดข้าวสาร มีสีขาวใสอมเหลืองเป็นเงาบรรจุในผอบ 3 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา และ ฉัตรทองคำหนัก 400 บาทกว่า ขึ้นไปประดิษฐานนรยอดเจดีย์
เดี๋ยวเราจะเข้าไปชมเจดีย์พุทธคยา ใกล้ๆ กันนะครับ ก่อนเข้าไปข้างในต้องถอดรองเท้าไว้ก่อนขึ้นบันได
เจดีย์พุทธคยา มีทางเดินรอบๆ สามารถขึ้นมายังฐานเจดีย์ได้
ด้านล่างเจดีย์มีพระประจำวันเกิด
ที่ลานจอดรถหน้าเจดีย์ มีร้านขายเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้จากไม้ ราคาไม่แพง ให้ได้เลือกซื้อกันครับ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นไม้จากพม่า ราคาไม่แพง แต่ฝีมือยังไม่เนียบเท่าไหร่
ของใช้ชิ้นเล็กๆ เช่นทัพพี, ที่แขวนผ้า, ถาด ฯลฯ
อ.สังขละบุรี เป็นอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับพม่า การขนส่งและค้าขายระหว่างไทยกับพม่า จะอยู่ที่ ด่านเจดีย์สามองค์ ด่านนี้่จะอยู่ก่อนถึงตัว อ.สังขละบุรี 4 กิโลเมตร
ขอเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของเจดีย์สามองค์ แบบคร่าวๆ นะครับ
พระเจดีย์สามองค์ เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นสถานที่สักการะของคนไทย โดยทั่วไป ก่อนที่จะออกเิดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตพม่าตั้งแต่สมัยโบราณ
พระศรีสุวรรณคีรีเจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้นำชาวบ้านก่อสร้างให้เป็นพระเจดีย์สมบูรณ์ อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ในรูปด้านบน ทางซ้ายมือเป็น ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2486 และทางขวามือเป็น ศาลาสันติภาพ ไทย – ญี่ปุ่น
จุดประสงค์หลักของการมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ ส่วนมากจะมาชอปปิ้งกันครับ ของที่นำมาขายส่วนมากจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์จากไม้, เครื่องประดับเพชรพลอย, กล้วยไม้ป่า ต้นไม้ป่า ส่วนเหล้า, บุหรี่ไม่แนะนำให้ซื้อนะครับ ปลอมกันเยอะ
ชุดรับแขกในรูปด้านล่าง ราคา 14,500 บาท คนขายบอกว่ามีบริการส่งให้ถึงบ้านด้วย
เครื่องประดับ หินสี สร้อย hand made
ร้านกาแฟ สวัสดี ร้านกาแฟสดแนวย้อนยุคในตลาดด่านเจดีย์สามองค์
ร้านสุรา บุหรี
ร้านต้นไม้ กล้วยไม้ป่า ดูจากต้นแล้วเหมือนจะตัดมาจากป่า ไม่แน่ใจว่าซื้อมาแล้วจะเป็นหรือเปล่า มีสมาชิกในทริปซื้อมา เค้าบอกว่าราคาไม่แพง 3 ต้น 50 บาทก็มี
ป้ายสุดแดนตะวันตก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ด่านตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี ถ้าต้องการข้ามไปพม่า ติดต่อได้ที่นี่เลยครับ จากการที่ผมได้ลองชโงกหน้าไปที่ฝั่งพม่าเหมือนว่าฝั่งนี้จะไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ ไม่เหมือนท่าขี้เหล็ก ตรงแม่สาย ตรงนั้นคึกคักมาก
เดินตรงไป ก็ข้ามไปพม่าแล้ว
พระสยามเทวาธิราช
และแล้วตลาดที่ด่านเจดีย์สามองค์ก็ไม่ได้กินเงินผมเหมือนเคย ถ่ายรูปมารีวิวอย่างเดียวแล้วก็ไป เสร็จจากด่านเจดีย์สามองค์เราก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แล้วครับ
ประมาณเที่ยงเราแวะกินข้าวกันที่ ห้วยซองกาเลีย ห้วยนี้อยู่ติดทางหลวง 323 เลยครับ ร้านอาหารแถวนี้จะเป็นแพขนาด 6-10 คน ยื่นไปในน้ำ บรรยากาศดีมาก มีน้ำไหลมาเรื่อยๆ ลมเย็น น้ำใส จะลงเล่นน้ำก็ได้นะครับ น้ำไม่ลึก
ร้านริมห้วยซองกาเลีย จะมีอยู่ประมาณ 4 ร้าน ส่วนมากคนจะนิยมทานร้านแรกๆ เพราะถึงก่อน ร้านด้านในๆ ก็ไม่มีลูกค้ามากิน
จริงๆ แล้วร้านด้านในวิวสวยกว่าครับ มีโขดหิน คล้ายๆ น้ำตก ดูจากน้ำที่ไหลแล้ว น่าจะพอล่องแพได้่
บรรยากาศดีจริงๆ
เราไปกัน 7 คน สั่งอาหารมาหลายอย่างมาก ในรูปนี่กับข้าวยังมาไม่หมดนะครับขาดเนื้อทอด, ลาบ, ต้มแซบหม้อไฟ เช็คบิลมาตกใจเลย 650 บาทเท่านั้น ถูกดีครับ อาหารอร่อย บรรยากาศดี
ร้านที่ผมทานชื่อร้านสุวรรณ์นะครับ ลองไปทานกันดูได้
เรือถีบของร้าน ไม่แน่ใจว่าให้ถีบเล่นได้เปล่า
ก่อนเข้ากรุงเทพเราก็แวะรายทางมาเรื่อยๆ แวะมาชมวิวกันที่ ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
รถเข็นสัมภาระของอุทยาน ใครที่ของเยอะยืมรถเข็นใส่ของไปไว้บ้านพัก / ที่กางเต๊นท์ได้ครับ
ลานกางเต๊นท์ และบ้านพักอุทยาน น้ำที่เห็นเป็นน้ำอ่างเก็บน้ำ เขื่อนวชิราลงกรณ์
ห้องน้ำในอุทยาน ทำสวย สะอาดดีครับ
ที่เที่ยวจุดสุดท้ายก่อนเข้ากรุงเทพฯ น้ำตกเกริงกระเวีย เป็นน้ำตกที่อยู่ติดถนนทางหลวง 323 อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
เป็นน้ำตกขนาดเล็กมีแอ่งน้ำให้เล่นอยู่หลายแอ่ง
ที่แอ่งแรกดูแล้วไม่ค่อยสวยครับ ผมเลยเดินเข้าไปด้านในลึกเข้าไปอีก น้ำตกที่นี่จะไม่สูงมาก เดินเข้าไปเรื่อยๆ ยึ่งลึกยิ่งเงียบ และเปลี่ยวมาก ไม่มีใครเลย
ถึงแม้น้ำตกนี้จะอยู่ติดถนน แต่ป่าก็ยังเป็นป่าครับ ผมเดินไปถ่ายรูปข้างในลึก แต่ขากลับจำทางออกเดิมไม่ได้ เป็นอาการที่เรียกว่าหลงป่าแบบไม่รู้ตัว ได้ยินเสียงรถวิ่งบนถนนแว่วๆ แต่หาทางไปไม่เจอต้นไม้ปิดทึบไปหมด ป้ายก็ไม่มีบอก สุดท้ายตัดสินใจกลับไปอีกทางนึง เพราะจำทางมาไม่ได้ โชคดีว่าเป็นทางออก เลยออกมาได้ ใครที่ชอบสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติก็ระวังกันนะครับ ไม่ควรเข้าไปคนเดียว มีสิทธิหลงได้
แอ่งน้ำตกด้านใน ไม่ค่อยจะมีคน
สุดท้ายแล้วเราก็ขับรถยาวถึง อ. เมืองกาญจนบุรี แวะกินข้าวเย็นที่นั่น แล้วก็วิ่งเข้ากรุงเทพฯ ถึงกรุงเทพฯตอนดึก ทริปกาญจนบุรี ทริปนี้สนุกมากครับ ได้ไปเที่ยวน้ำตก สะพานมอญ ได้เห็นป่าใกล้กรุงเทพฯ ที่อุดมสมบูรณ์ งบประมาณของ 2 คน ก็ประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น
ช่วงนี้คงจะพักจากการเที่ยวป่า น้ำตกซักพักเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวทะเลบ้าง ทริปนี้ก็ขอสวัสดีแต่เพียงเท่านี้ครับ 🙂
Post Views 26950
ให้รายละเอียดได้ละเอียดดีมากสำหรับผู้ที่คิดจะเดินไปสังขละบุรีครั้งแรก ผมคนนึงล่ะที่คิดจะไปที่นั่น ขอบคุณมากครับ
2 เดือนที่ผ่านมาผมพาแฟนไปเที่ยวทองผาภูมิก็คิดว่าอยากไปให้ถึงสังขละบุรีแต่เวลาและโอกาสรวมถึงงบยังไม่พร้อมก็ได้ประทับใจอยู่ที่ทองผาภูมิและสวนหมากแดงรีสอร์ท แต่ครั้งต่อไปเป้าหมายของผมคือ สังขละบุรี และด่านเจดีย์สามองค์ วาดมโนภาพไว้ว่าจะจูงมือแฟนเดินข้ามสะพานมอญในตอนเช้าตรู่เพื่อเดินถ่ายรูปและดูพระมอญคนมอญใส่บาตรในตอนเช้า