รีวิวไร่กลิ่นเกสร ทุ่งดอกมากาเร็ต หงอนไก่ แม่ริม เชียงใหม่ รีวิว 2021
กลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ ช่วงนี้สวนดอกไม้หลายสวนเริ่มเปิดให้เข้าชม ถ่ายรูปกับดอกมากาเร็ต อย่างในรีวิวนี้ไปที่ ไร่กลิ่นเกสร ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นสวนที่อยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวแม่ริม อยู่ก่อนถึงน้ำตกแม่สา การมาเที่ยวสวนดอกไม้ แนะนำให้มาช่วงเช้าตั้งแต่สวนเปิดเลย (ตั้งแต่ 7 โมง) เป็นช่วงที่แสงสวย ดอกไม้สดชื่นจากน้ำค้าง และ มีโอกาสเห็นหมอกลอยที่ภูเขาด้านหลัง
วันที่ไปรีวิว 15 ตุลาคม 2564
การเดินทาง
จากถนนโชตนา เลี้ยวซ้ายที่ ปั๊ม ปตท. แม่ริม ไปทางเดียวกับม่อนแจ่ม เมื่อถึงปากทางเข้าวัดน้ำตกแม่สา ขับตรงไปอีกประมาณ 600 เมตร ให้เลี้ยวขวาเข้า กลิ่นเกสร คาเฟ่ ขับตรงไปจะมีที่จอดรถ หรือ ถ้าไปไม่ถูกก็ตั้งพิกัด GPS ตามด้านล่างได้เลย
GPS. Google map
ที่จอดรถ จอดได้เจอพอสมควร และยังมีที่จอดด้านหน้า กลิ่นเกสร คาเฟ่ อีก
ค่าเข้า
– คนละ 50 บาท และ มีให้เช่าพร็อบถ่ายรูปเช่นร่ม และ ตะกร้าดอกไม้
ดอกไม้ใน ไร่กลิ่นเกสร ส่วนมากจะเป็นดอกมากาเร็ต และ ดอกหงอนไก่ ปลูกเรียงเป็นแถว ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปในทางเดินระหว่างแถวได้
ทางเดินในสวนจะเป็นทางเดินไม้ไผ่ เดินง่าย ไม่ต้องกลัวรองเท้าเลอะดินที่เปียกในหน้าฝน
ดอกมากาเร็ตบานใกล้จะสุดแล้ว ถ้าใครไปช่วงปลายเดือนตุลาคม อาจไม่สวยเหมือนในรูปที่เราไป แนะนำว่าให้ดูอัพเดทในเพจของแต่ละสวน เพื่อดูว่าอยู่ในช่วงสวย หรือ อยู่ในช่วงโรย ในเชียงใหม่มีสวนดอกมากาเร็ต หลายสิบสวน หรือ อาจจะมากกว่า 100 สวน ค่อยๆ หาสวนที่สวยในวันที่เราไป
ดอกมากาเร็ต เป็นดอกที่ชอบอากาศหนาว ส่วนมากจะเห็นดอกตั้งแต่เดือนตุลาคม – กุมภาพันธุ์
ฝนที่ตกลงมาในช่วงเช้า ดอกจะฉ่ำน้ำ สวยงาม
มุมถ่ายรูปยอดนิยมในสวนจะเป็นบันไดลอยฟ้า ที่ดูเหมือนเดินขึ้นไปยังก้อนเมฆ
อีกมุมหนึ่งที่ถ่ายรูปสวยคือ มุมชิงช้า เห็นดอกมากาเร็ต เป็นฉากหลัง
พื้นที่ในสวนไม่กว้างมาก ถ้าถ่ายมุมกว้างจะเห็นบ้าน และ สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่อยู่รอบสวน
โดยธรรมชาติของต้นมากาเร็ต จะมีลำต้นเลื้อย จึงต้องใช้ตาข่ายคลุมไม่ให้ต้นไม้ล้ม
แปลงหงอนไก่สีแดงจะอยู่ท้ายสวน บริเวณที่มีชื่อสวน “ไร่กลิ่นเกสร”
เราใช้เวลาเดินเล่น และ ถ่ายรูป 30 นาที ก็ครบทุกจุดในสวน โดยรวมต้นไม้ก็สวยดี แต่มุมถ่ายรูปมีน้อยไปหน่อย ที่ตั้งและที่จอดรถ สะดวกดี มาง่าย ค่าเข้า 50 บาท ก็ไม่แพง คุ้มค่าดี
Post Views 673
