เที่ยวมาเก๊าไม่ง้อทัวร์ 3 วัน 2 คืน เมืองเก่ามาเก๊า ไทปา โคโลอาน

ในปีที่แล้วผมได้รีวิว เที่ยวมาเก๊า – ฮ่องกงในทริปเดียวกัน ทริปนั้นไปทั้งหมด 4 วัน ได้เที่ยวมาเก๊า 1 วันครึ่ง (อ่าน … รีวิวเที่ยวมาเก๊า) เที่ยวเฉพาะสถานที่สำคัญในย่านเมืองเก่ามาเก๊า ประตูโบสถ์เซนต์ปอล, จัตุรัสเซนาโด้ (Senado square), วัดอาม่า ฯลฯ เนื่องจากมีเวลาจำกัด หลังจากทริปนั้นก็คิดอยู่ตลอดว่าต้องหาโอกาสจัดทริปไปมาเก๊าใหม่ เที่ยวมาเก๊า อย่างเดียวเลย เอาให้เต็มอิ่ม ใช้เวลาสัก 3 วัน 2 คืนคงกำลังดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป โปรแกรมมาลงตัววันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ ช่วงหลังตรุษจีน เกือบ 2 สัปดาห์ ร้านค้าก็น่าจะกลับมาเปิดตามปกติแล้ว อากาศในมาเก๊ายังเย็นอยู่

สำหรับคนที่กำลังจะไปมาเก๊าครั้งแรกอยากให้อ่านรีวิวในหน้านี้ก่อนนะครับ –> รีวิวเที่ยวมาเก๊า เป็นรีวิวแบบเบสิค ข้อมูลทั่วไปของมาเก๊า ส่วนรีวิวนี้จะไปเจาะลึกมากขึ้น รู้จักมาเก๊าให้มากขึ้น

ทริปนี้เราเดินทางกับสายการบิน Air Asia จองช่วงโปรโมชั่น Big sale ของเดือนพฤษภาคม 55 ราคาเริ่มต้นไป-กลับ เพียงคนละ 2,750 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ ครับ รวมค่าเลือกที่นั่ง, โหลดกระเป๋าไปด้วย ก็เป็นคนละ 3,327 บาท

ปัจจุบันเที่ยวบิน Air Asia จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไปมาเก๊าจะมีอยู่ด้วยกัน 4 เที่ยวบิน / วัน (ไป 4 กลับ 4) ขาไปเครื่องออก 7.00, 10.15, 13.50, 18.30 เวลาค่อนข้างดีครับมีให้เลือกทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น

นอกจากสายการบิน Air Asia แล้ว ยังมีสายการบิน Thai Smile (บ.ลูกของการบินไทย) มีเที่ยวบิน กรุงเทพฯ – มาเก๊า วันละ 2 เที่ยวบิน / วัน (ไป 2 กลับ 2) ใครที่อยากเดินทางสบายๆ โหลดกระเป๋าได้ มีของกินบนเครื่อง ก็บินกับ Thai Smile ได้ครับ ราคาไป-กลับ อยู่ที่คนละ 8-9 พันบาท

วันที่ 1 : เดินทางไปมาเก๊า เดินเล่นใน Venetian ถ่ายรูปย่านเมืองเก่ามาเก๊า

ทริปนี้ผมบินเที่ยวบินแรก FD 2540 เครื่องออกเวลา 7.00 น. แต่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 3.30 เพื่อให้มาถึงสนามบินตอนตี 4.30 เผื่อเวลาไว้สำหรับเช็คอินและทานข้าวเช้า

ช่วงเวลา 4.00 – 5.00 น. เป็นเวลาที่มีเครื่องออกค่อนข้างเยอะครับ ดังนั้นคิวเช็คอิน – โหลดกระเป๋าจะยาวเป็นพิเศษ ถ้าทำ web check in มาจากบ้านแล้วเข้าแถว Bag drop International เพื่อโหลดกระเป๋านะครับ แถวนี้จะสั้นกว่าแถวที่ไม่ได้ทำ web check in มาจากบ้าน

เราใช้เวลาในการโหลดกระเป๋าประมาณ 20 นาทีจากนั้นก็เข้า ตม. ประทับตรา passport เพื่อออกนอกประเทศ คิว ตม. ที่สนามบินดอนเมืองไม่ยาวครับ 2-3 คิวเท่านั้น ผมสังเกตเห็นที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่ทุกโต๊ะจะมีรูปของสองสามี ภรรยาใจโหด ที่เอาน้ำร้อนราดเด็กชาวกะเหรี่ยงติดอยู่ เอาไว้ดูหน้าเผื่อจะหนีออกนอกประเทศ จะได้จับตัวไว้ได้ ยังไงก็จะเอาใจช่วยให้เจ้าหน้าที่จับตัวได้ไวไวครับ

ผ่านจาก ตม. มาแล้วเข้าโซนผู้โดยสารขาออกก็มาเจอกับ King power Duty Free รู้สึกว่าจะมีสินค้าเยอะขึ้นกว่าตอนแรกที่ Air Asia ย้ายกลับมาที่ดอนเมือง

ข้างๆ King power Duty Free มีที่แลกเงินอยู่ 2 ธนาคาร ผมเข้าไปตอนตี 5 กว่าๆ ก็เปิดแล้ว พวกเงินสกุลหลักเช่น USD, SGD, HKD, EURO, AUD, CNY ผมว่าแลกได้ราคาไม่น่าเกลียดมาก

แลกเงินไปใช้ที่มาเก๊า

มาเก๊าจะใช้เงินปาตาการ์ (MOP) และฮ่องกงดอลล่าร์ (HKD) เงินทั้งสองสกุลนี้ร้านค้าในมาเก๊าจะถือว่า 1 MOP = 1 HKD แต่จริงๆ แล้วอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 103.2 MOP = 100? HKD ถ้าจะเอาสะดวกก็แลกเงิน HKD ถ้าจะเอาคุ้มก็แลกเงิน MOP แต่ปัญหามีอยู่ว่าเงิน MOP หาร้านแลกเงินยาก เท่าที่ผมทราบในไทยก็มีร้าน superrich และเงิน MOP ถ้าใช้ไม่หมดแล้วต้องการไปแลกเป็นเงินบาทคืนจะได้เรทที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนเงิน HKD นั้นมีให้แลกทุกที่เช่นธนาคาร, สนามบิน, superrich เรทแลกคืนก็ขาดทุนไม่มาก

ผมแลกเงินไปใช้ที่มาเก๊า 3,900 HKD (15,200 บาท) สำหรับ 2 คน 3 วัน 2 คืน เฉพาะค่ากิน – เที่ยว – ชอปปิ้ง เท่านั้น ค่าโรงแรมตัดผ่านบัตรเครดิตไปแล้ว

ไปเที่ยวมาเก๊าต้องใช้ Visa ไหม

คนไทยสามารถอยู่ในมาเก๊าได้ไม่เกิน 30 วันโดยไม่ต้องใช้ Visa ครับ ใช้เพียง Passport ที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน ในการเข้าประเทศ

การใช้ Internet wifi ในมาเก๊า

มาเก๊ามี wifi ให้ใช้ฟรีตามสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์, ห้องสมุด, สวนสาธารณะ, สนามบิน และสถานที่สำคัญต่างๆ โดย SSID ที่ใช้งานได้ฟรีจะใช้ชื่อว่า wifigo, wifogo-s และ Airport-Free-WiFi ใช้ได้ในสนามบิน

นอกจากนั้นแล้ว โรงแรม ที่พักส่วนมากก็จะมีฟรี wifi ถ้าไม่ต้องการใช้อินเตอร์เนตตลอดการเดินทาง ฟรี wifi ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป

ทานอาหารเช้าสนามบินดอนเมือง

ร้านอาหารในโซนผู้โดยสารขาออก ระหว่างประเทศ (สนามบินดอนเมือง) จะมีร้านอาหารอยู่ไม่กี่ร้าน เช่น Fuji, Mc Donald’s, Subway, Piri- Piri, Starbuck, S&P

ผมฝากท้องไว้กับร้าน Piri- Piri ชุดอาหารเช้านี้ติดป้ายหน้าร้านไว้ที่ 175 บาท พอจ่ายเงินจริง 187.5 บาท คือราคา 175 บาทยังไม่รวมภาษี อดคิดในใจไม่ได้ว่าทำไมไม่รวมมาเลย

เซตนี้ประกอบไปด้วย กาแฟ เบคอน ขนมปัง 2 แผ่น + เนย และไข่ดาว 2 ฟอง ตามรูปเลย เท่านี้ก็น่าจะพอกับมื้อเบาๆ ตอนตี 5

ทานข้าวเสร็จก็ไปรอขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารคนไทยซะส่วนมาก และส่วนน้อยก็เป็นคนจีน คนมาเก๊า

สาวไทยเวลาไปเที่ยวฮ่องกง มาเก๊าก็จะแต่ตัวคล้ายๆ คนฮ่องกง มาเก๊า ใส่รองเท้าบูท ดูสวยไปอีกแบบครับ

6.45 น. ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว เที่ยวบินนี้ผู้โดยสารเต็มลำ

เครื่องออกสักพักแอร์โฮสเตสก็แจกใบ ตม. ของมาเก๊า กรอกง่าย มี carbon copy ไปยังแผ่น Departure ด้วย

ระหว่างที่บินอยู่ก็มีเสียงประกาศให้ระมัด ระวังสิ่งของมีค่าที่วางไว้ด้านบน อาจจะสูญหายได้ ให้เอามาวางไว้กับตัวจะปลอดภัยกว่า เคยมีคนใน Pantip บอกเอาไว้เหมือนกันครับ บางทีมิจฉาชีพอาศัยจองตั๋วในช่วงโปรโมชั่น ช่วงที่ตั๋วราคาถูก แล้วมาขโมยของบนเครื่อง ที่เคยจับได้คาหนังคาเขาก็มี ต้องให้ตำรวจมาเก๊ามาจับตอนถึงสนามบินมาเก๊า จับไม่ได้ก็เยอะ

เครื่องบินใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีก็มาถึงสนามบินนานาชาติมาเก๊า เกาะไทปา เป็นสนามบินที่ไม่ใหญ่มาก มี Run way ยื่นไปในทะเล สร้างด้วยการถมดินลงไปในทะเล ประเทศที่มีพื้นที่จำกัดส่วนมากก็จะสร้างสนามบินด้วยการถมดินลงไปในทะเล และสร้างให้ไกลออกไปจากตัวเมือง จะได้ไม่เป็นมลภาวะทางเสียง

เวลาที่มาเก๊าจะเร็วกว่าเวลาในประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมง เช่นไทย 10 โมง มาเก๊าจะเป็นเวลา 11 โมง ดังนั้นอย่าลืมปรับเวลาใหม่ด้วยนะครับ

เที่ยวบินนี้เป็น Bus gate ลงจากเครื่องแล้วต้องนั่งรถบัสเข้าอาคารผู้โดยสาร อุณหภูมิที่มาเก๊าตอนนั้นประมาณ 17-18 องศาได้ กำลังเย็นสบาย ใส่เสื้อ jacket ตัวเดียวก็เอาอยู่ พอเข้าอาคารผู้โดยสารก็เดินเข้า ตม. มาเก๊า แถวไม่ยาวเท่าไหร่ ไม่เห็น ตม. มาเก๊า จะถามอะไรเลย เค้า key ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ แล้วประทับตราลง Passport ก็เสร็จแล้ว

จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า ลากไปที่ทางออก

ก่อนถึงทางออกจะมีแผนที่มาเก๊าแจกฟรีอยู่ เป็นเวอร์ชั่น 2 ภาษา จีน กับอังกฤษ หยิบติดตัวไว้ซักหน่อย มาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ ทุกถนนทุกซอยมีอยู่ในแผนที่หมด

เดินออกจากสนามบินตามรูปด้านบนเลยครับ จะเจอกับรถบัสของคาสิโนต่างๆ เช่น Venetian, City of Dream, Lisboa, MGM, Wynn โรงแรมเราอยู่ใกล้คาสิโนไหน ติดรถไปลงได้เลยครับ ขึ้นได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนรถของโรงแรมบางคันขอดูใบจองโรงแรมก่อนขึ้นรถด้วย

หรือถ้าอยากจะใช้บริการ Taxi ก็มีคิว Taxi จอดรออยู่ รถ Taxi ที่มาเก๊าจะเป็นสีดำด้านล่าง – สีครีมที่หลังคา, สีเหลือง ส่วนมากจะเป็นรถ Toyota altis เหมือนบ้านเรา ราคาค่า Taxi ในมาเก๊าก็ไม่แพง ถ้าของเยอะมีผู้สูงอายุไปด้วย Taxi ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี แต่ว่า Taxi มาเก๊าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้นะครับ ต้องใช้วิธีชี้รูป หรือชี้ที่อยู่ในแผนที่ให้เค้าดู

ส่วนผมใช้บริการรถ Venetian เดินตามสาวหมวยคนนี้ขึ้นรถเลยครับ กระเป๋าใบใหญ่ใส่ไว้ที่ด้านล่างก่อนขึ้นรถ

ขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ประมาณ 10 กว่านาทีจากสนามบินมาเก๊า ก็มาถึงเวเนเชี่ยน คาสิโน (Venatian Casino) เห็นทางเข้าด้านหน้าดูหรูหรามาก สถาปัตยกรรมแบบยุโรป

รถบัสที่วิ่งระหว่าง สนามบินมาเก๊า <–> Venetian จะจอดที่ Main Lobby ขากลับไปสนามบินก็ขึ้นรถตรงนี้เช่นเดียวกันครับ มีรถออกทุกๆ 20 นาที

เนื่องจากว่าตอนที่ผมมาถึง Venetian ก็ 11 โมงกว่าๆ จะไปโรงแรมแล้วเช็คอินเลยก็คงยังไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา เลยคิดว่าจะฝากกระเป๋าไว้ที่ Venetian ฝั่ง Main Lobby และให้เค้าย้ายกระเป๋าไปที่ West Lobby เราก็เดินเล่น ถ่ายรูป กินข้าวใน Venetian ซักบ่ายๆ ค่อยเอากระเป๋าคืน ที่ West Lobby แล้วนั่งรถฟรีสาย Yuet Tung Pier ไปโรงแรม

ฝากกระเป๋าใน Venetian Casino

ที่ฝากกระเป๋าใน Venetian จะมีอยู่ 2 ที่ คือ Main Lobby กับ West Lobby ถ้านั่งรถ Venetian จากสนามบินมารถจะจอดที่ Main Lobby ส่วนที่ West Lobby เป็นท่ารถบัสของ Venetian ไปยังที่ต่างๆ เช่น ท่าเรือ Yuet Tung Pier (ใกล้ Senado), ด่านกงเป่ย จูไห่ ประเทศจีน, Taipa Ferry Terminal (ท่าเรือเฟอร์รี่เกาะไทปา), Macau Ferry Terminal (ท่าเรือเฟอร์รี่เกาะมาเก๊า) เราสามารถฝากกระเป๋าได้ฟรี ในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง และสามารถฝากกระเป๋าที่ Main Lobby แล้วไปรับที่ West Lobby หรือฝากที่ West Lobby แล้วไปรับที่ Main Lobby เค้าจะใช้เวลาเคลื่อนย้ายกระเป๋าประมาณ 40 นาที

ในเรื่องความปลอดภัยของสิ่งของในกระเป๋า ค่อนข้างเชื่อใจได้มากครับ ที่นี่มีระบบจัดการกระเป๋าค่อนข้างดี ในแต่ละวันมีกระเป๋าที่ฝากมากกว่าหมื่นใบ ในตอนฝากพนักงานจะให้เราเซ็นชื่อในใบรับฝาก และจะฉีกหางใบรับฝากให้ ตอนมารับกระเป๋าก็ต้องเอาหางใบและเซ็นชื่อยื่นให้เค้า เค้าจะเปรียบเทียบเลขใบรับกระเป๋า และลายเซ็นว่าตรงกันหรือไม่

ที่บริเวณ Main Lobby จะมีไฮไลต์อยู่ที่ลูกโลกสีทองมีรูปปั้นวีนัสเกาะอยู่ ด้านบนจะเป็นภาพวาดแบบโรมันอยู่ที่เพดาน เสาในบริเวณนี้จะเป็นเสาโรมัน บรรยากาศคล้ายๆ พระราชวังในประเทศยุโรป

บริเวณพื้น ทางเดิน จะปูด้วยหินลวดลายสวย เหมือนพื้นมีมิติขึ้นมา

เพดานที่ทางเดินก็เป็นภาพวาดแบบโรมันเช่นเดียวกัน บางคนบอกว่าภาพวาดพวกนี้เป็นการทำฮวงจุ้ยให้กับนักพนัน ให้เสียเงิน แต่ผมยืนมองดูแล้วก็เป็นภาพธรรมดา คล้ายกับภาพในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ก็ว่ากันไปตามความเชื่อส่วนบุคคลครับ แต่ถ้าเราไม่เล่นพนันยังไงก็ไม่มีอะไรต้องเสีย

มุมสวยๆ ใน Venetian อีกมุมหนึ่งจะอยู่ตรงกลาง ตรงที่ถูกล้อมรอบด้วยคาสิโนนั่นแหล่ะครับ มีบันไดเลื่อนโค้ง มีลานวงกลม ตรงนี้เรียกว่า The Great Hall ถ้ายืนอยู่ตรงวงกลมในรูปด้านล่าง มองลงไปจะเป็นส่วนของคาสิโน กลิ่นบุหรี่ค่อนข้างแรง ถ้าอยากไปสัมผัสบรรยากาศคาสิโนก็เดินลงไปดูได้ครับ มีทั้งโต๊ะไพ่ ไฮโล ตู้สล๊อต ในส่วนของคาสิโนให้เข้าได้เฉพาะคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ห้ามถ่ายภาพในบริเวณคาสิโน

The Great Hall, Venetian

จุดถ่ายรูปสวยๆ ใน Venetian ที่สุดท้ายที่ผมจะแนะนำคือ คลองเวนิสจำลอง ที่จำลองบรรยากาศคล้ายกับเมืองเวนิสที่ประเทศอิตาลี มีเรือกอนโดล่าพานักท่องเที่ยวชมบรรยากาศใน Venetian

คลองเวนิสจำลอง จะอยู่ที่ชั้น 3 มีอยู่ด้วยกัน 3 คลองได้แก่ Grand Canal, Marco Polo Canal และ San Luca Canal ทั้ง 3 คลองนี้บรรยากาศจะเหมือนกัน ถ้าขี้เกียจเดินเยอะ ชมแค่คลองเดียวก็พอ เส้นทางเดินในนี้จะเดินเป็นวงกลม ถ้าเดินวนเลียบคลองไปเรื่อยๆ จะไม่เจอทางออก จะวนอยู่อย่างนั้น

สองข้างทางของคลองเวนิสจำลองจะมีร้านค้ามากมาย ทั้งสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าราคาแพง ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร

เคยสงสัยกันไหมครับว่าเรือกอนโดล่า ลำยาวแบบนี้ คนพายทำไมดูชิวๆ จัง เหมือนไม่ต้องออกแรง วันนี้ผมมีความลับมาเฉลยครับ จริงๆ แล้วเรือกอนโดล่ามีเครื่องยนต์ขนาดเล็กอยู่ด้านล่าง คนพายจะเอาเท้าเหยียบไว้ที่คันเร่ง เรือก็แล่นไป เอาเท้าปล่อยเรือก็ค่อยๆ หยุด ส่วนไม้พายก็เอาไว้บังคับเรือเท่านั้น

ค่าเรือกอนโดล่าใน Venetian

– คนละ 118 MOP (ประมาณ 470 บาท)

– เด็ก 88 MOP

– เหมาลำ 472 MOP

1 รอบใช้เวลา 15-20 นาที

ในระหว่างพายเรือ คนพายเรือจะ Entertain นักท่องเที่ยวด้วยการร้องเพลง โชว์พลังเสียง โพสท่าให้ถ่ายรูป

เดินไป เดินมาก็มาเจอกับร้านทาร์ตไข่ชื่อดัง Lord Strow’s Bakery & Cafe ร้านนี้ตอนแรกมีสาขาอยู่ที่หมู่บ้านโคโลอานที่เดียว ตอนนี้ขยายสาขามาอยู่ใน Venetian แล้ว

ของที่ขายก็จะมีขนมปัง ทาร์ตไข่ แซนวิช ของกินเล่น สามารถซื้อแล้วทานที่ร้านเลย หรือจะห่อกลับบ้านก็ได้

ที่นั่งในร้านมีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ขนมทาร์ตไข่จะขายเป็นชิ้น ชิ้นละ 8 MOP หรือประมาณ 31 บาท / ชิ้น ส่วนทาร์ตไข่ KFC ที่ขายในบ้านเราราคาชิ้นละ 20 บาท

ถ้าซื้อยกกล่องก็จะได้ 6 ชิ้น ราคา 48 MOP ใครที่จะซื้อกลับไปที่ประเทศไทย แนะนำให้ซื้อตอนขากลับก่อนขึ้นเครื่อง Venetian กับสนามบินมาเก๊าอยู่ห่างกันเพียง 10 กว่านาที ซื้อเสร็จถือขึ้นเครื่องได้เลย เมื่อถึงประเทศไทยแล้วให้เก็บในตู้เย็นในช่องธรรมดาทาร์ตไข่อยู่ได้ประมาณ 7-10 วัน ถ้าต้องการเก็บไว้นานกว่านั้นก็เอาเข้าช่องฟรีซเลย อยู่ได้เป็นเดือน

การแสดงดนตรีคลาสสิคในโซนชอปปิ้งของ Venetian นักดนตรีแต่ละคนแต่งตัวกันเป๊ะมาก

มื้อเที่ยงเราฝากท้องไว้ที่ Food court ใน Venetian ที่นี่มีร้านอาหารหลายร้าน มีอาหารฝรั่ง ญี่ปุ่น อินเดีย จีน ฯลฯ แต่ไม่เจอร้านอาหารไทย

ราคาอาหารในนี้ก็ไม่ธรรมดา ต้องหรูหรา ราคาแพงสมกับที่ขายใน Venetian อาหารจานเดียวอยู่ที่ราคา 35-70 MOP หรือประมาณ 140 – 280 บาท / จาน และที่แพงแบบเว่อร์ๆ อีกอย่างก็เป็นน้ำเปล่า (น้ำแร่) ขนาด 600 ml ขายขวดละ 18 MOP หรือ 72 บาท

ที่นั่งในโซน Food court

บะหมี่เกี๊ยวชามนี้ 35 MOP รสชาติจืด ที่นี่เค้าไม่มีเครื่องปรุงให้ปรุงเพิ่มนะครับ ใครทานรสจัดพกพริกป่น น้ำส้ม น้ำปลาไปจากบ้านเลย

ทานข้าวเสร็จ ดูเวลาแล้วน่าจะได้เวลาไปโรงแรมแล้ว

เรามารับกระเป๋าที่ฝั่ง West Lobby พนักงานใช้เวลาหากระเป๋าไม่เกิน 3 นาที เราก็ได้กระเป๋าเรากลับคืนมาแล้ว

จากรูปด้านบนถ้าเดินออกประตูทางซ้ายมือจะเป็นท่ารถ West Lobby มีรถ Shuttle Bus ไปยังที่ต่างๆ ฟรี

สำหรับโรงแรม Ole Tai Sam Un, Man Va, Ole London, Kou Va, Macau Master หรือคนที่ต้องการจะไปแถว Senado นั่งรถสาย Yuet Tung Pier ไปได้เลยครับ

เดินหาป้ายแล้วต่อแถวขึ้นรถได้เลย รถสาย Yuet Tung Pier จะมาทุก 20-30 นาที

กระเป๋าใบใหญ่ วางไว้ด้านหน้ารถ ข้างคนขับ รถสาย Yuet Tung Pier จะเป็น minibus คันเล็ก

รถใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาจอดหน้าท่าเรือ Yuet Tung Pier หรือใกล้ๆ กับโรงแรม Macau Master ทริปนี้ผมจองโรงแรม Ole Tai Sam Un เป็นโรงแรมเปิดใหม่ อยู่ใกล้ Senodo คนไทยนิยมไปพัก

การเดินทางไปโรงแรม Ole Tai Sam Un

ลงจากรถเสร็จให้หันหน้าไปทิศทางเดียวกับรถ มองไปข้างหน้าประมาณ 100 เมตรจะเห็นสะพานลอย ให้ลากกระเป๋าไปที่สะพานลอย สะพานลอยที่นี่ขาขึ้นจะเป็นบันไดเลื่อน ขาลงจะต้องเดินลง

เดินลงสะพานลอยตามรูปด้านล่างแล้วเดินตรงมาเลย

จะเจอกับร้านขายของฝากสีแดงในรูปด้านล่าง เดินตรงไปอย่างเดียว ไม่เกิน 5 นาทีก็จะถึงโรงแรมแล้ว

ถ้าเห็นโรงแรม Man Va ทางขวามือแล้วเดินไปอีกประมาณ 3 ตึกก็จะเจอโรงแรม Ole Tai Sam Un อยู่ทางซ้ายมือ

ถึงแล้วครับโรงแรม Ole Tai Sam Un ด้านหน้าโรงแรมจะเป็นผนังหินสีดำ

ผมไปถึงโรงแรมตอนบ่ายโมงกว่าๆ เจอพนักงานหมวยใส่แว่นอยู่ที่หน้า Front เลยถามเธอไปว่าสามารถเช็คอินได้หรือยัง เธอก็บอกว่าขอดูก่อนว่าห้องเสร็จแล้วหรือยัง โชคดีว่ามีที่ว่างเราก็เลยได้เช็คอินเลย

การเช็คอินก็เพียงยื่น Hotel Voucher ที่ได้รับจาก agoda, Passport และค่ามัดจำอีก 300 HKD พนักงานจะให้ Key card เรามา

ห้องที่ผมพักเป็นห้อง Standard Double พัก 2 คืน ราคา 6,840 บาท ไม่รวมอาหารเช้า จองกับ agoda ราคาจะพอๆ กับโรงแรม Ole London ที่ผมไปพักในทริปที่แล้ว แต่โรงแรม Ole Tai Sam Un จะได้เปรียบตรงที่ห้องใหม่กว่า และทำเลดีกว่า อยู่ใกล้ Senado แต่ข้อเสียก็คือห้องเล็ก ช่วงหลังมานี่คนไทยมาพักที่โรงแรม Ole Tai Sam Un อยู่เยอะเหมือนกันครับ

Link. เช็คราคาโรงแรม Ole Tai Sam Un มาเก๊า

Lobby โรงแรม ที่ด้านในสุดเป็นที่ทานอาหารเช้า

ผมได้ห้องพักที่ชั้น 2 โรงแรมนี้นับชั้นล่างเป็นชั้น G แล้วตามด้วยชั้น 1, 2 .. 3 การเปิดประตูจะใช้ Key card แตะที่ประตู กลอนก็จะปลดล๊อค

ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดูทันสมัย แต่เล็ก แต่โดยรวมแล้วก็ลงตัวดีนะครับ มีตู้เสื้อผ้า กาต้มน้ำ ชา โต๊ะทำงาน น้ำดื่มวันละ 2 ขวด LCD TV 24 นิ้ว

ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัวเล็ก 2 ผืน ใหญ่ 2 ผืน

ในห้องมี wifi ให้ใช้ได้ฟรี password : 1234567890 เป็น password เดียวกับโรงแรม Ole London เลย หรือ 2 โรงแรมนี้อาจจะเป็นญาติกันก็ได้ โลโก้โรงแรมก็เป็นรูปดอกกุหลาบเหมือนกันเป๊ะ

โต๊ะหัวเตียง มีโคมไฟ โทรศัพท์ นาฬิกาปลุก

กาต้มน้ำ ชา, โต๊ะทำงาน

ประตูห้องน้ำของโรงแรมเป็นกระจกฝ้า มีลวดลายโปร่งใส อาจจะไม่สะดวกถ้าไม่ใช่คู่รักมาพัก ในห้องน้ำมีมีดโดนหนวด หวี หมวกอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ส่วนสบู่เหลวและแชมพู เป็นแบบกดติดอยู่ที่ฝาผนัง

เดินเล่นย่านเมืองเก่ามาเก๊า

เก็บของเสร็จเราจะไปเดินเล่นที่ Senado ประตูโบสถ์เซ็นปอล การเดินทางจากโรงแรม ออกจากโรงแรมแล้วเลี้ยวซ้าย 2 ครั้ง ตรงไปจะเจอถนนใหญ่ให้เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับ Sensdo อยู่ทางซ้ายมือ ข้ามถนนได้ที่ทางม้าล้าย ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้นครับ

ช่วงที่เราไปมาเก๊านั้น ยังอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ถึงแม้จะผ่านมาแล้วถึง 12 วัน แต่ร้านค้าใน Senado ยังคงประดับประดาโคมไฟ ต้นส้มขนาดเล็กอยู่ทุกร้าน ในตอนกลางคืนจะเปิดโคมไฟสวยงาม ถ้าใครมาเที่ยวช่วงนี้ก็จะได้บรรยากาศที่สวยไปอีกแบบ แต่ต้องบอกก่อนนะครับช่วงวันตรุษจีนคนจีนจะมาเที่ยวเดินทางกันเยอะมาก ร้านค้าก็ปิดกันเยอะ ควรจะมาก่อนหรือหลังตรุษจีน อย่างน้อย 10 วัน

ตึกสีขาวที่เห็นในรูปด้านบนมีชื่อว่า สำนักแห่งความเมตตา (Holy House of Mercy)

เป็นอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งของมาเก๊า สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เป็นที่ก่อตั้งคลีนิคการแพทย์แบบตะวันตกแห่งแรกในมาเก๊า ปัจจุบันเป็นหน่วยงานสังคมสงเคราะห์มาเก๊า

บริเวณ Senado จะมีทั้งอาคารใหม่ และอาคารเก่าปนอยู่ด้วยกัน แต่สร้างไปในทางเดียวกัน จึงดูไม่ขัดตา

ในรูปด้านบนเป็น โบสถ์เซนต์ดอมินิก (St. Dominic?s Church)

โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1587 เป็นโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 400 ปี สร้างโดยบาทหลวงชาวสเปน ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บาร๊อกโคโลเนียล เป็นโบสถ์ที่ยังมีการใช้งานอยู่

มามาเก๊าครั้งนี้คนเยอะจริงๆ ร้านค้าก็ลดราคากันเยอะ คนมาชอปปิ้งซื้อของกันเต็มไปหมดทั้งนักท่องเที่ยวและชาวมาเก๊า

ร้านไอติมตุรกี มีมาเปิดที่ Senado แล้วนะครับ ไอติมตุรกีของแท้จะต้องมีลูกเล่นเยอะในการตักและส่งให้ลูกค้า ดึงเข้าดึงออก จับไม่ทันซักที ราคาอยู่ที่โคนละ 20 MOP

บนถนนระหว่าง Senado ไปประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล จะมีร้านค้า ร้านขายอาหาร ของฝากเยอะมาก เช่นคุกกี้อัลมอนด์ หมูแผ่น ทาร์ตไข่ หน้าร้านแต่ละร้านจะมีพนักงานเอาตัวอย่างมาให้ลองชิม ถ้าถูกใจก็ซื้อ ไม่ถูกใจก็ชิมร้านต่อไป ชิมไปชิมมา อิ่มพอดีครับ ไม่ต้องซื้อกันแล้วทีนี้

เราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงประตูโบสถ์เซ็นปอล ข้างๆ บันไดทางขึ้นจะมีน้ำมะม่วงปั่นเจ้าอร่อยอยู่ ปีที่แล้วขายแก้วละ 20 MOP มีป้ายติดราคาไว้ชัดเจน แต่ปีนี้ไม่มีป้ายราคา ผมเดินเข้าไปชี้แล้วบอกแมงโก พนักงานพูดกลับมาว่า “ยี่สิห้าเหรียญ” ยอมรับเลยครับว่าเธอเก่งจริง รู้ด้วยว่าเป็นคนไทย แถมพูดไทยได้อีก ว่าแต่น้ำมะม่วงปั่นนี่แก้วละเกือบ 120 บาท ขึ้นราคาไป 20 บาทเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แพงไปหน่อยนะเนี่ย

ถึงแล้วครับประตูโบสถ์เซ็นปอล กับฝูงชนมหาศาล ไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนดีให้ติดคนน้อยที่สุด ถ้าใครอยากถ่ายรูปกับประตูโบสถ์เซ็นปอลแบบคนน้อยๆ แนะนำตอนหลัง 2 ทุ่มเลยครับ แล้วอย่าลืมพกขาตั้งกล้องมาด้วยละ

ประตูโบสถ์เซ็นปอล (Ruins of St.Paul ?s)

เดิมทีสถานที่แห่งนี้ไม่ ได้มีเพียงประตูโบสถ์ แต่เดิมเป็นโบสถ์เซนต์ปอล โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อต้นปี คศ. 1700 เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของมาเก๊า โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาเผยแผ่ในเอเชีย ต่อมาในปี ค.ศ. 1835 โบสถ์เซนต์ปอลถูกไฟไหม้จนเหลือแต่หน้าประตูโบสถ์ จึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ ในปี ค.ศ. 1991 ส่วนซากที่ถูกไฟไหม้ก็มีการเก็บรวบรวมทำเป็นพิพิธภัณฑ์อยู่หลังประตูโบสถ์

พิพิธภัณฑ์หลังประตูโบสถ์

เดินถ่ายรูปได้ซักพัก มีกลุ่มเสื้อแดงที่ screen เสื้อว่า “MACAU STREET DANCE STUDIO” กางผ้าใบและวางเครื่องเสียง เต้น B Boy กันครับ เต้นเก่ง มาไว ไปไวมาก สักพักก็เก็บของกลับ คืนพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเหมือนเดิม

รูปปั้นหญิงสาวชาวมาเก๊ากำลังมอบดอกไม้ให้หนุ่มชาวตะวันตก

วัดนาชา (Na Tcha) ข้างประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล ทางด้านซ้ายเป็นกำแพงเมืองเก่ามาเก๊า เป็นกำแพงที่ทำจากดินเหนียว ทราย ฟางข้าว หินบด เปลือกหอย เป็นวัสดุที่หาได้ง่าย

ทางด้านขวามือของประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล จะมีทางขึ้นไปยัง ป้อมปราการเม้าท์ (Mount Fortress) และพิพิธภัณฑ์มาเก๊า ผมคิดว่าหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสามารถขึ้นไปด้านบนได้ด้วย ใช้เวลาเดินขึ้นไปด้านบนประมาณ 15-20 นาที เป็นทางแบบบันได ไม่มีทางลาด ไม่มีลิฟท์

บนเนินเขานี้สามารถมองเห็นวิวมาเก๊าได้ 360 องศา มองเห็นถึงประเทศจีน

ป้อมปราการเมาท์ (Mount Fortress)

สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ 1617 ถึง 1626 โดยพระนิกายเยซูอิตเพื่อใช้เป็นศูนย์รวมทางศาสนา ตัวป้อมปราการใช้เป็นกำแพงเมืองป้อมกันการรุกรานชองชาวดัตช์ และต่อมาใช้เป็นที่พักของผู้ว่าการ และปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาเก๊า

ปืนใหญ่ยังคงสภาพเหมือนเดิม กระบอกนี้หันหน้าไปทาง Casino Grand Lisboa คาดว่าคงต้องมีการแก้ฮวงจุ้ยจากกระบอกปืนนี้แน่นอน

ปืนใหญ่จะมีอยู่รอบ ทุกทิศทางเลยครับ

ด้านบนนี้เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมมาเก๊าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการผสมผสานของ 2 วัฒนธรรมทั้งเรื่องความเชื่อ งานเทศกาล ธรรมเนียมประเพณี สถาปัตยกรรม กีฬา ศิลปะ ไปจนกระทั่งเรื่องอาหาร ที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมและสังคมแบบมาเก๊าในปัจจุบัน

ชมวิวเสร็จก็เดินลงมาด้านล่างด้วยอาการหอบนิดๆ และเดินย้อนกลับไปทางฝั่งโรงแรม

ในรูปด้านล่างเป็น อาคารสำนักเทศบาลมาเก๊า (Civic and Municipal Affairs Bureau)

ผมเห็นคนเดินเข้าไปด้านในกันหลายคน แสดงว่าเค้าเปิดให้เข้าชม เดี๋ยวเราเข้าไปด้านในกันครับ

ด้านล่างเป็นห้องโถง มีดนตรีคลาสสิคมาบรรเลงให้ฟังแบบสดๆ เพราะดีครับ

ถ้าขึ้นบันได เดินไปด้านหลังจะมีสวนเล็กๆ มีม้านั่งให้นั่งเล่น มีดอกไม้ให้ชม

สถาปัตยกรรมแบบยุโรป

ช่วงนี้ที่มาเก๊าประดับดอกไม้สวยงาม ทั้งเกาะมีต้นส้มขนาดเล็กปลูกอยู่ทุกที่ เป็นความเชื่อของคนจีนครับ เคยมีคนอยากรู้ว่าส้มรสชาติเป็นยังไงเด็ดมากิน 1 ลูก ผลสรุปว่าเปรี้ยวครับ น่าจะเหมือนส้มจี๊ดที่ปลูกประดับในบ้านเรา

ออกจากอาคารสำนักเทศบาลมาเก๊า เดินลงไปทางทิศใต้ เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างถนน เลยถ่ายรูปมาให้ดู ที่มาเก๊าใช้มอเตอร์ไซค์แบบนี้กันครับ รูปทรงแบบสกูตเตอร์ เครื่องแรง ขึ้นเนิน ขึ้นเขาได้ แต่เหมือนจะวิ่งได้ไม่ค่อยเร็ว

เราเดินเพลินๆ จนมาถึง จัตุรัสเซนต์ออกัสติน (St.Augustine?s Square) พื้นปูกระเบื้องเป็นรูปคลื่นเหมือนกับ Senedo

ใกล้ๆ กับจัตุรัสเซนต์ออกัสตินมีสถานที่สำคัญอยู่หลายแห่ง โบสถ์เซนต์ออกัสติน โรงละครดอม เปโดรที่ห้า โรงเรียนสอนศาสนาเซนต์โจเซฟ และหอสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง

โรงเรียนสอนศาสนาเซนต์โจเซฟ (St. Joseph’s Seminary and Church)

อาคารสีเหลืองนี้เป็น หอสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง (Sir Robert Ho Tung Library) ชื่อของหอสมุดนี้มาจากเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง นักธุรกิจชาวฮ่องกงที่บริจาคบ้านหลังนี้ให้เป็นหอสมุดสาธารณะ สร้างได้สวยมากครับ ที่ด้านล่างมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ คิดว่าคงไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกวนด้านใน

โบสถ์เซนต์ออกัสติน (St.Augustine?s Church) แรกสร้างโดยคณะนักบุญออกัสตินชาวสเปนเมื่อปีค.ศ. 1591 โบสถ์ยังคงใช้เป็นสถานที่จัดงาน และขบวนแห่ต่าง ๆ ของเมือง เช่น เทศกาลอีสเตอร์ ที่มีผู้ร่วมขบวนนับพันคน ในอดีตระหว่างฝนตกหนัก บาทหลวงได้นำใบปาล์มไปวางแผ่บนหลังคาเพื่อปกป้องอาคาร หากมองจากที่ไกลจะเห็นว่าใบปาล์มเหล่านั้น ดูคล้ายมังกรที่หนวดปลิวไปตามสายลม ชาวจีนท้องถิ่นจึงเรียกว่าวัดมังกรหนวดยาว หรือ Long Song Miu

โรงละครดอม เปโดรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre) เป็นโรงละครขนาดกลาง จุผู้เข้าชมได้ 300 ที่นั่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1860 ด้วยรูปแบบโรงละครแบบตะวันตก แห่งแรกในเมืองจีน เป็นสัญลักษณ์ ทางวัฒนธรรมสำคัญที่สุดสำหรับชุมชนชาวมาเก๊า ปัจจุบันยังคงใช้จัดแสดงงานสำคัญและการเฉลิมฉลองต่างๆ อยู่เสมอ

ผมดูจากแผนที่แล้วถ้าเดินอีกนิดก็จะเจอโบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ เลยลองเดินไปเรื่อยๆ แต่เอาเข้าจริงก็ไกลเหมือนกัน พอไปถึงเจอประตูโบสถ์ปิดอยู่ เลยต้องใช้วิธีเอากล้องสอดช่องประตูเข้าไปถ่าย

โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ (St.Lawrence?s Church)

สร้างโดยคณะนักบวชเยซูอิตเมื่อตอนกลางศตวรรษ 16 เป็น หนึ่งในสามโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า แต่ตัวโบสถ์ที่เห็นในปัจจุบัน ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1846 ตั้งอยู่ริมทะเลทางชายฝั่งตอนใต้ของมาเก๊า ในอดีตบรรดาครอบครัวของเหล่ากะลาสีมักมารวมตัวกันที่บันไดหน้าโบสถ์ เพื่อสวดมนต์ และเฝ้ารอการกลับมาของคนรัก จึงมีอีกชื่อว่า หอแห่งสายลมปลอบประโลม (Feng Shun Tang-Hall of the Soothing Winds) บริเวณรอบโบสถ์เคยเป็นย่านคนรวย เห็นได้จากสัดส่วนและสถาปัตยกรรมของอาคารที่มีโครงสร้างสไตล์นีโอคลาสสิก และการตกแต่งอย่างบารอก

เราเดินจนถึงเย็น ไปทานข้าวเย็นที่ร้านเล็กๆ ใกล้กับโรงแรม กว่าจะสั่งอาหารได้ต้องใช้ภาษาใบ้เอา คืนวันแรกเราหลับแต่หัวค่ำ เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ไว้วันรุ่งขึ้นค่อยลุยกันใหม่

วันที่ 2 : ดูหมีแพนด้า หมู่บ้านโคโลอาน

เมื่อคืนเราหลับกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม เป็นความตั้งใจที่จะมาพักผ่อนให้เต็มที่ในทริปนี้ และท่องเที่ยวมาเก๊าแบบ Slow life เดินเล่น นั่งรถชมเมืองแบบเรื่อยๆ ไม่ทำเวลา

วันนี้เราตื่นกันตอน 7 โมง อาบน้ำทำธุระอะไรเสร็จก็ 8 โมง ลงมาที่ด้านล่างของโรงแรมเห็นมี Breakfast ของโรงแรม ราคาหัวละ 38 MOP แต่เปิดให้ทานได้ตอน 8.30 น. ตอนนั้นกำลังหิวเลยไม่อยากรอ เดินออกมาหน้าถนนใหญ่เส้นที่ผ่าน Senado ร้านค้าที่นี่ยังไม่เปิดกันเลยครับ 8 โมงกว่าๆ แล้ว คนมาเก๊านี่เค้าตื่นสายกันจริงๆ ครับ ปกติคนที่มีเชื้อสายจีนจะเปิดร้านแต่เช้า แต่ที่มาเก๊าไม่ใช่

เดินไป เดินมากลับโรงแรมไปรอเวลาอีก 10-20 นาทีดีกว่า เดี๋ยวก็ 8.30 น. แล้ว

พอ 8.30 น. เราก็จ่ายค่าอาหารกับพนักงานหมวยใส่แว่นที่หน้า front ผมว่าคนนี้คงเป็นลูก เป็นหลานของเจ้าของโรงแรม ดูพนักงานคนอื่นๆ เกรงๆ เธอ

ค่าอาหารคนละ 38 HKD อาหารก็มีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไปหากินข้างนอก ร้านอาหารในมาเก๊าหายาก ถ้าเป็นร้านท้องถิ่นก็มีแต่ภาษาจีน สั่งไม่ถูกอีก ผิดกับฮ่องกง ของกินเยอะแยะ มีให้เลือกหลายร้าน

อาหารเป็นแบบ Buffet นะครับ เท่าที่ผมจำได้ก็มี ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม ซาลาเปา หมั่นโถว ผัดหมี่ ข้าวต้ม ข้าวโพดนึ่ง มันนึ่ง ผลไม้ก็มีส้มกับแอปเปิ้ล ที่วางอยู่ด้านซ้ายมือของรูปบน ผักแก้เลี่ยนก็มีมะเขือเทศ ผักกาด

เครื่องดื่มก็มีน้ำส้ม น้ำชา กาแฟ เครื่องทำกาแฟสด แต่ไม่มีน้ำเปล่าครับ

เครื่องทำกาแฟสด วิธีการใช้ก็เอาแก้วมาวางแล้วกดปุ่มกลางปุ่มเดียวเท่านั้น กาแฟจะค่อยๆ ไหลออกมาจนเต็มแก้ว

โปรแกรมเที่ยววันนี้ในช่วงเช้าเราจะไปที่เกาะโคโลอาน ไปดูหมีแพนด้าที่ ส่วนจัดแสดงแพนด้ายักษ์ (macau giant panda pavilion), องค์รูปปั้นอาม่า (statue of the Goddess A-Ma) และหมู่บ้านโคโลอาน ส่วนช่วงบ่ายไปเดินเล่นในคาสิโน แกรนด์ลิสบัว ชอปปิ้ง ซื้อของฝากแถว Senado

ทานข้าวเสร็จ เดินออกมาขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งตรงข้าม Senado เป็นป้ายรถเมล์ที่ใกล้กับโรงแรมมากที่สุดแล้ว รอรถเมล์สาย 26A ไปลงที่สวนสาธารณะ Seac Pai Van Park เกาะโคโลอาน ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร ค่ารถคนละ 6.4 MOP ที่มาเก๊าค่ารถเมล์ราคาถูกครับ ยิ่งถ้าใช้บัตร Macau pass ที่คนบ้านเค้าใช้กันยิ่งได้ลดเยอะกว่านี้อีก รถเมล์ก็ติดแอร์สภาพดีน่านั่ง ผมคิดว่ารัฐบาลเค้าคงช่วยอุดหนุนค่ารถเมล์ด้วย ทำให้มีราคาถูก

ตอนที่มารถรถเมล์ 10 โมงแล้วดูตึกแถวบริเวณนี้ซิครับ ยังไม่เปิดกันเลย

ป้ายรถเมล์ที่มาเก๊าสามารถโบกได้ทุกสายที่ผ่าน ไม่ได้แยกสายเหมือนรถเมล์ที่ฮ่องกง

ถ้าเราอยากรู้ว่าป้ายรถเมล์นี้ มีรถสายอะไรบ้าง ไปไหนบ้าง สามารถดูเส้นทางรถได้ที่ป้ายรถเมล์ อย่างรูปด้านล่างนี้เป็นเส้นทางเดินรถสาย 26A ขาไปกับขากลับ บางช่วงก็วิ่งคนละทางนะครับ เส้นทางรถเมล์ถ้าจะดูให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นต้องเอาแผนที่มากางประกอบ ในแผนที่จะบอกด้วยว่าถนนนี้มีรถเมล์อะไรวิ่งผ่าน

การขึ้นรถเมล์ในมาเก๊าจะขึ้นที่ประตูหน้า และลงที่ประตูหลัง ค่ารถเมล์หยอดลงที่ช่องสีแดง แล้วก็เตรียมเงินให้พอดีด้วยนะครับ เพราะว่าไม่มีทอน ค่ารถเมล์สามารถหยอดเป็นเงินฮ่องกง HKD หรือเงินมาเก๊า MOP ก็ได้ครับ

รถแล่นมาประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงเกาะโคโลอาน เราลงรถที่ป้ายรถเมล์หน้าทางเข้าองค์รูปปั้นอาม่า เทคนิคการลงรถเมล์ให้ถูกป้าย ผมจะใช้วิธีเปิด GPS + Offline map ที่โทรศัพท์มือถือ แล้วเราก็ดูตำแหน่งไปเรือยๆ พอใกล้ถึงเราก็กดออดลง หรือจะใช้วิธีดู Google street ว่าก่อนถึงป้ายรถเมล์เห็นจุดสังเกตอะไรบ้าง การวางแผนก่อนเดินทางจะทำให้เราไม่หลง และไม่เสียเวลา

จากป้ายรถเมล์ด้านบนถ้าเดินถอยหลังมาประมาณ 15 เมตร ก็จะเจอกับทางเข้า ส่วนจัดแสดงแพนด้ายักษ์ (Macau giant panda pavilion) แต่ถ้าเดินไปด้านหน้าก็จะเป็นท่ารถบัสขึ้นไปยัง องค์รูปปั้นอาม่า เดี๋ยวช่วงเช้าเราจะเที่ยว 2 ที่เลยครับ

แผนที่ใน Macau giant panda pavilion

ส่วนจัดแสดงแพนด้ายักษ์ (Macau giant panda pavilion)

ตั้งอยู่ภายใน สวนสาธารณะ Seac Pai Van บริเวณเชิงเขา ในเกาะโคโลอาน ส่วนจัดแสดงแพนด้ายักษ์มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร มีรูปแบบคล้ายสวนสัตว์ขนาดเล็ก บริเวณโซนแพนด้ามีการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับอยู่ในป่าจริง โดยส่วนที่อยู่อาศัยของคู่แพนด้ายักษ์ Kai Kai (ไคไค) และ Xin Xin (ซินซิน) นั้นมีการออกแบบให้สะดวกสบาย และเหมาะกับนิสัยของแพนด้า เช่น พุ่มไม้ ร่มไม้ ก้อนหิน ชานพัก รวมถึงการติดตั้งหลังคาแบบโปร่งแสง เพื่อให้แพนด้ารู้สึกเหมือนได้อยู่ในบรรยากาศจริงของป่า

เครื่องบินเล็ก ที่มาที่ไปก็ไม่มีบอก ทางด้านหลังของเครื่องบินจะติดถนนใหญ่ เห็นเค้ากำลังจะสร้างอะไรกันก็ไม่รู้ ดูใหญ่โตเชียว

โซนนกฟลามิงโก้

นกฟลามิงโก้ตัวสีชมพู

ในการเข้าชมหมีแพนด้าจะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละ 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 10.00 – 13.00 น. และ 14.00-17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ในรูปด้านบนจะเป็นที่จำหน่ายตั๋ว เวลาซื้อตั๋วเค้าจะถามเราว่าจะเข้าชมช่วงไหน เช่น 10.00 – 11.00 น, 11.00 – 12.00 น และมีตารางเวลาให้ดู

ค่าเข้าชมก็ถูกแสนถูกครับ คนละ 10 MOP เท่านั้น (ประมาณ 39 บาท) ถูกกว่าค่าบัตรเข้าชมหลินปิง (50 บาท) ซะอีก รายได้จากค่าเข้าชมก็จะนำไปเข้ากองทุนอนุรักษ์แพนด้า

ระหว่างรอเวลาเข้าชม ก็เดินเข้าไปดูของฝาก ของที่ระลึกในนี้ได้ ของส่วนมากก็จะเป็นตุ๊กตาหมีแพนด้า Kai Kai และ Xin Xin, กระเป๋า, เสื้อ, Magnet, แก้วน้ำ ราคาจะแพงนิดนึงครับ นอกจากนั้นก็มีตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวใหญ่ตั้งโชว์อยู่ 3-4 ตัว และเขียนป้ายเล็กๆ ว่าห้ามจับ แฟนผมเห็นตุ๊กตาน่ารักก็เดินเข้าไปลูบ ได้เรื่องเลยครับพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินมาทันทีเลย แล้วก็พูดภาษาจีนใส่ เราก็เลย Sorry ไปตามระเบียบ ผมเข้าใจว่าถ้าลูบกันคนละทีสองทีมันคงจะดำนะครับ

เดินเลือกอยู่นานสุดท้ายก็ได้ตุ๊กตามา 1 ตัว สูงประมาณ 5 นิ้ว ราคา 90 MOP ตัวนี้ชื่อ Kai Kai อีกตัวที่ชื่อ Xin Xin ก็มีขายนะครับ ผมละสงสัยว่าหน้าตามันจะต่างกันตรงไหน หรือแค่ screen ชื่อที่เท้าต่างกันก็พอแล้ว

พอแกะกล่องมา ผมรีบหาเลยครับว่า made in ที่ไหน วินาทีนี้ต้องการ made in china มากกว่า made in บ้านโป่ง (ราชบุรี) แต่ดูจากป้ายแล้วน่าจะทำที่จีนแหล่ะครับ

เดินไปเดินมาเจอกับนกกระจอกเทศ

ตรงนี้เป็นกรงลิงครับ

เห็นดอกไม้สวยๆ ขอถ่ายรูปซักหน่อย

โดมในรูปด้านบนจะเป็นที่อยู่ของแพนด้าครับ มองดูนาฬิการู้สึกว่าจะได้เวลาเข้าแล้ว ยื่นบัตรเข้าชมให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าแล้วเข้าไปด้านในกันครับ

มุมถ่ายรูปที่หน้าทางเข้า

พอดีว่าเราเข้าไปก่อนนักท่องเที่ยวคนอื่น เลยดูไม่ค่อยมีคนแต่จริงๆ มีคนประมาณ 30-40 คน ข้อห้ามของที่นี่ก็จะมีห้ามถ่ายรูปโดยใช้แฟลช ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามทานอาหาร ห้ามให้อาหารแพนด้า (กระจกอยู่สูงซะขนาดนั้น จะไปให้ได้อย่างไร)

ที่อยู่ของแพนด้าจะมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ในโดม กับส่วนที่อยู่ข้างนอก เห็นสถานที่กว้างใหญ่แบบนี้แต่มีแค่ 2 ตัวเอง เมืองไทยมี 3 ตัวเยอะกว่าอีก

ตัวที่อยู่ในโดมชื่อ Xin Xin เป็นตัวเมีย ตัวนี้หูจะเป็นแผ่นกลม ต่างกับ Kai Kai ที่หูจะเรียว หนา

มองเข้าไปในกระจกเจอแพนด้าอยู่ 1 ตัว หลับอยู่ครับ มีเจ้าหน้าที่ส่งภาษาจีนชี้ไปที่ด้านนอกตรงที่แพนด้าอีกตัวอยู่ เราเข้าใจว่าให้เราไปดูตรงโน้นก่อน ดูที่ริมรั้วและผนังของรูปด้านล่างเห็นกล้องวงจรปิดติดตั้งถี่มาก เห็นได้ทุกตารางเมตร เกิดเป็นแพนด้านี่ก็ดีนะครับมีแต่กินกับนอน มีคนดูแล

ตัวนี้ชื่อ Kai Kai เป็นเพศผู้ หลับอยู่ครับ ผมชอบท่านอนของตัวนี้มาก เหมือนนักเรียนฟุบหลับไปกับโต๊ะ เท้ากางออก ท่านอนดูสบายมาก

ในเวบไซต์ tripadvisor พูดถึงหมีแพนด้าที่นี่ว่าถ้าคุณมาแล้วเจอแพนด้ากำลังตื่นอยู่แสดงว่าโชคดีมาก เพราะส่วนมากมันจะหลับ เค้าบอกว่าช่วงเวลา 13.00 – 14.00 น. เป็นช่วงเวลานอนของแพนด้าถ้าเป็นไปได้ผมว่ามาช่วงเช้าน่าจะมีโอกาสได้เจอแพนด้าตอนตื่นมากกว่า

เรายืนรอลุ้นให้แพนด้าตื่นประมาณ 20 กว่านาที และแพนด้าก็บิดขี้เกียจตื่นขึ้นมา คนจีนปรบมือ เฮกันลั่นเลย ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นคนจีนก็เห่อแพนด้าเหมือนกันครับ

Xin Xin ตื่นมาก็หิวเลย เดินไปลากใบไผ่มาแทะ

ตอนลุกขึ้นนั่ง เห็นตัวเต็มๆ ตัวใหญ่เหมือนกันครับ น่าจะสูงประมาณ 110-120 เซนติเมตร

ท่ากินใบไผ่ น่ารักมากครับ

ถ้าใครถ่ายรูปโดยใช้แฟลช หรือรบกวนแพนด้าก็จะมีพี่ รปภ มาเตือนครับ

หลังจากดูแพนด้าอย่างเต็มอิ่ม ก็ออกไปด้านนอก หมีแพนด้าตัวจริงนี่น่ารักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย ถึงจะมีแค่ 2 ตัวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร ใครมีเวลาที่มาเก๊ามากกว่า 1 วันก็แนะนำให้มาดูกันครับ

ทางเดินใน Macau giant panda pavilion

ขณะนี้เวลาก็เกือบเที่ยงแล้ว แต่ไม่มีแดดออกเลยครับ อากาศหนาวเย็นสบายตลอดวัน

เราเดินออกจาก Macau giant panda pavilion ไปยังหน้าทางขึ้นองค์รูปปั้นอาม่า บริเวณนี้เป็นจุดจอดรถมินิบัสขึ้นไปด้านบนตรงองค์รูปปั้นอาม่า รถออกเรื่อยๆ น่าจะมาทุก 15-20 นาที

มินิบัสสีขาวนี่แหล่ะครับ ขึ้นฟรี ระยะทางขึ้นไปด้านบนประมาณ 1.9 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 9 นาที เห็นระยะทางสั้นแบบนี้อย่าเดินขึ้นนะครับ เป็นทางขึ้นเขา ถ้าเดินขึ้นคงเป็นชั่วโมง

ถึงแล้วครับองค์รูปปั้นอาม่า (statue of the Goddess A-Ma) ตรงนี้จะคล้ายๆ วัด แต่ไม่ใช่วัดศาสนาพุทธนะครับ น่าจะเป็นเทพเจ้าของจีน

ที่บันไดทางขึ้นจะมีหินแกะสลักเป็นรูปต่างๆ อย่างอันนี้เป็นรูปมังกร แกะได้มีมิติมากมีส่วนเว้า ส่วนลึก ไม่รู้ว่าคว้านเข้าไปได้อย่างไร

สิงห์ที่หน้าทางเข้า

เข้ามาด้านในเห็นคนมุงอะไรอยู่ เข้าไปดูเป็นการโยนเหรียญลงไปในขันบนหลังเต่า เป็นความเชื่อของเค้าครับ

เดินลึกเข้ามาเป็นที่จุดธูปไหว้

บรรยากาศคล้ายๆ วัดจีนในฮ่องกง มาเก๊า กลิ่นธูปแรงมาก

ในด้านในจะมีรูปปั้นเหมือนองค์ฮ่องเต้

ดูจากรูปปั้นด้านล่างแล้ว วัดนี้คงมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเต่า

เดินชมในส่วนวัดเสร็จ เดินขึ้นเขาไปด้านบนจะเป็นที่ตั้งขององค์รูปปั้นอาม่า

เดินขึ้นเขาโคโลอานไม่เกิน 10 นาทีจะเจอกับองค์รูปปั้นอาม่าขนาดใหญ่ สีขาว

องค์รูปปั้นอาม่าทำจากหินอ่อน ออกแบบโดยช่างหินท้องถิ่น มีความสูง 19.99 เมตร ด้านบนนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้โดยรอบ 360 องศา สามารถมองเห็นเวเนเชี่ยน คาสิโน และกาแลคซี่ ที่เกาะไทปา แต่จะมองไม่เห็นน้ำทะเลระหว่างเกาะไทปาและเกาะโคโลอานนะครับ เพราะเค้าถมทะเลมาทำเป็นพื้นดินแล้ว

ฐานองค์รูปปั้นอาม่า

ขากลับไปด้านล่างเราก็รอรถมินิบัสสีขาวเหมือนตอนขึ้นมาแหล่ะครับ รถลงไปจอดด้านล่างที่เดิม

จากป้ายรถเมล์ตรงนี้ถ้าจะไปหมู่บ้านไทปา ก็ระยะทางประมาณ 900 เมตร ระหว่างทางเป็นที่ร้างไม่มีอะไรให้ชมครับ ดังนั้นเรานั่งรถเมล์ดีกว่า สายที่ไปได้ก็มี สาย 26A และสาย 50 ค่ารถ 2.8 MOP รอรถไม่นานครับ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ผมว่ารถเมล์ที่มาเก๊ารอไม่นาน เต็มที่ไม่เกิน 10 นาที แต่ในกรุงเทพฯ ผมเคยรอเป็นชั่วโมงก็มีครับ

รถเมล์วิ่งมาไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงหมู่บ้านโคโลอาน จุดสังเกตคือวงเวียนคิวปิดสีน้ำตาลขนาดเล็กเท่าแมว (เล็กจริงๆ ครับ) เมื่อเห็นวงเวียนนี้แล้ว เตรียมลงได้เลย

วงเวียนคิวปิด เหมือนยกมาจากยุโรปเลย

ที่วงเวียนนี้จะมีร้านดังๆ อยู่ 2-3 ร้าน ร้านแรกเป็นร้านสีน้ำเงินชื่อร้าน Cafe Chek หรืออะไรซักอย่าง อ่านยากจริง ถ้าเดินไปด้านหลังร้านสีน้ำเงินก็จะเป็นร้าน Lord Strow’s Bakery & Cafe ร้านทาร์ตไข่ชื่อดังของมาเก๊า ทั้งสองร้านนี้คนนั่งทานเต็มร้าน ไม่มีโต๊ะว่างเลย

เดี๋ยวเราเดินถ่ายรูปกันก่อนนะครับ แล้วค่อยไปหาอะไรกิน

เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆ จนเจอกับ โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St francis xavier church) เป็นโบสถ์สีเหลือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงนักบุญฟรานซิส ซาเวียร์ ภายในมีวัตถุโบราณมรดกอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสเตียนในเอเชีย ทางด้านซ้ายและด้านขวาของโบสถ์เป็นร้านอาหาร ผมคิดว่าน่าจะเป็นร้านอาหารทะเล เห็นมีแต่คนท้องถิ่นมากิน

ถนนริมทะเล บรรยากาศดีมาก ดูเป็นธรรมชาติ และไม่วุ่นวายเหมือนแถว Senado ผมเห็นมีจักรยานให้เช่าด้วยครับ ใครชอบปั่นจักรยานเที่ยวลองติดต่อดูครับ

ท้องร้องแล้วเลยไปหาข้าวทาน ตอนแรกว่าจะทานที่ร้าน Lord Strow เห็นคนเต็มร้าน ลองดูเมนูที่หน้าร้านมีอาหารไทยด้วย ราคาเฉลี่ยจานละ 45 MOP เห็นหน้าร้านมีคนยืนอยู่หลายคน ก็คิดว่าเค้าคงรอคิวโต๊ะว่างกัน รอได้สักพักก็ไม่เห็นมีคนทานเสร็จเลย เลยเปลี่ยนแผนไปกินข้าวแกงมาเก๊าแบบ Low cost ที่ร้านแถววงเวียนคิวปิด

กับข้าว 2 กล้อง กับข้าวสวย 1 กล่อง ในราคาเพียง 35 MOP รสชาติพอทานได้ เยอะจนทานไม่หมด

ทานข้าวเสร็จเห็นผลไม้น่าทานก็เลยซื้อส้มซื้อแอปเปิ้ลไปทานกัน ผลไม้ที่นี่ขายเป็นลูกครับ ไม่ได้ชั่งกิโล ราคาเหมือนจะถูกกว่าบ้านเรานิดนึง

ตรงนี้เป็นร้านทาร์ตไข่ Lord Strow น่าจะเป็นครัวที่ทำทาร์ต เห็นมีคนซื้อกินกันแบบสดๆ จากเตา เค้าว่ากันว่าทานแบบยังร้อนๆ อร่อยที่สุดแล้วครับ

ได้เวลาที่ต้องไปจากหมู่บ้านโคโลอานแล้ว เราจะนั่งรถกลับไปยังตัวเมืองมาเก๊า ป้ายรถเมล์จะอยู่ตรงวงเวียนใกล้ๆ กับร้านสีน้ำเงิน สังเกตง่ายๆ ป้ายรถเมล์มีขวดแฟนต้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ รถเมล์ที่วิ่งไปถึงตัวเมืองมาเก๊าก็มีสาย 21A, 26A ไปลงตรง Casino Lisboa หรือ Senado ค่ารถ 5 MOP

ถึงฝั่งเกาะมาเก๊าแล้ว สถานที่ต่อไปที่เราจะไปชมก็เป็นห้าง New Yoahan น่าจะเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊าแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นห้างเล็กถ้าเทียบกับเซ็นทรัล โรบินสัน บ้านเรา ห้างนี้ลงรถที่ป้ายรถเมล์หลังจากผ่าน Casino Lisboa ไปแล้ว

ห้าง Macau Square

ห้าง New Yoahan จะขายของ Brand name ที่ราคาแพงๆ เท่านั้น ไม่มี Bossini, Giordano เลย คนเดินห้างก็ไม่ค่อยเยอะ ไม่เหมือนแถว Senado ดูพอให้รู้ว่ามีอะไรบ้างแล้วก็เดินย้อนกลับไปถ่ายรูปคาสิโน ลิสบัส บริเวณนี้เป็นแหล่งคาสิโนบนเกาะมาเก๊า

ทางเดินไปคาสิโนลิสบัว

คาสิโนในบริเวณนี้ก็มี Lisboa, Grand Lisboa, Wynn ถ้ามาช่วงกลางคืนแถวนี้จะเปิดไฟสวยงามมาก หน้าคาสิโน Wynn มีการแสดงน้ำพุเต้นระบำ น่ามาถ่ายรูปครับ จุดนี้เป็นป้ายรถเมล์จุดใหญ่ในมาเก๊ามีรถเมล์หลายสายผ่านตรงนี้

เราเข้าไปชมใน Grand Lisboa ตึกสีทองด้านล่างทำเป็นโดมทรงกลม ด้านบนทำเป็นกลีบเหมือนชั้นของดอกบัว เป็นตึกที่มีรูปทรงแปลกดีครับ

ด้านหน้า Grand Lisboa มีรถบัสจอดเข้าออกตลอด เป็นรถที่วิ่งมาจากสนามบินบ้าง ท่าเรือเฟอร์รี่บ้าง ใครพักที่โรงแรม Sintra ก็นั่งรถ Grand Lisboa แล้วเดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงโรงแรมแล้ว

ในห้องโถงของ Grand Lisboa ตกแต่งหรูหราไม่แพ้ Venetian ที่นี่จะมีของแปลกๆ มีค่าให้ชม บางคนบอกว่าเป็นของสะสมของเจ้าของ Grand Lisboa

ทองคำแกะสลักเป็นรูปเรือมังกร งานจริงละเอียด และสวยมาก

ต้นไม้ทองคำ แวววาวระยิบระยับไปหมด

ที่เห็นโค้งๆ นี่เป็นงาช้างแมมมอสครับ งาใหญ่มาก ซูมเข้าไปดูรายละเอียดแล้วจะอึ้ง ทั้งคน ทั้งลิง ต้นไม้ ลวดลายเยอะไปหมด นี่มันงานฝีมือระดับโลกเลย

ของมีให้ชมมากกว่า 10 อย่าง เดินดูกันเพลินๆ ครับ แต่ว่าผมไม่ได้เดินเข้าไปในส่วนของคาสิโน เลยไม่รู้ว่าแตกต่างกับ Venetian หรือเปล่า

Casino Lisboa

ออกจาก Grand Lisboa เดินไปจนถึง Senado วันนี้เราจะไปซื้อของฝาก และทานข้าวเย็นที่นี่กัน

ที่ Senado วันนี้มีวัยรุ่นมาเก๊าจัดกิจกรรม Free Hug หรือแปลเป็นไทยว่า กอดฟรี บางคนอาจจะไม่คุ้นเคยว่า Free Hug คืออะไร แล้วคนทำได้อะไร

การกอดนั้นสามารถเยียวยาทางจิตใจได้ครับ บางคนนั้นอาจจะมีปัญหาครอบครัว สูญเสียจากสิ่งอันเป็นที่รัก ผิดหวัง ล้มเหลว การได้กอดจะทำให้จิตใจดีขึ้น

อาสาสมัครมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงนะครับ น้องๆ เค้าน่ารักทั้งนั้นเลย ผมขอเค้าถ่ายรูปเค้าแจกลูกอมมาให้ด้วย แต่ก็ไม่เห็นใครไปกอดเค้าเลย สถานที่แบบนี้ส่วนมากมีแต่คนมีความสุขมาเที่ยว มาชอปปิ้งกินมากกว่า

มาดู ขนม ของกินในมาเก๊า กันดีกว่าครับ ว่ามีอะไรน่าน่าซื้อกลับไปเป็นของฝากบ้าง ย่านขายขนม ของฝากจะอยู่เส้นที่ไปประตูโบสถ์เซ็นต์ ปอล

1. ทาร์ตไข่ เป็นขนมของโปรตุเกส ทำจากแป้งกรุ แป้งคล้ายๆ กับพาย แล้วทำรูปทรงให้เป็นถ้วย เทไข่ผสมน้ำตาลลงไปให้มีรสชาติหวาน ทาร์ตไข่เป็นขนมที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อทาน เพราะทานที่ไหนรสชาติก็ไม่เหมือนทานที่มาเก๊า ทาร์ตไข่ขายเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 8 MOP ถ้าต้องการซื้อกลับไทยแนะนำให้ซื้อที่ร้าน Lord Strow’s Bakery & Cafe ที่สาขา Venetian จะดีกว่า เพราะอยู่ใกล้สนามบิน จากประสบการณ์ผมในช่วงอากาศเย็นทาร์ตไข่อยู่ในอุณหภูมิห้องได้ถึง 24 ชั่วโมง

2. คุกกี้อัลมอนด์ หรือ คุกกี้มาเก๊า เป็นขนมขนาดพอดีคำ เหมือนทำมาจากถั่วบด มีกลิ่นหอม กินแล้วจะฝืดคอนิดนึง ทานกับชาจะอร่อย ขายเป็นกล่องกล่องละประมาณ 30-40 MOP มีให้ชิมก่อนซื้อ

3. หมูแผ่น รสชาติคล้ายกุนเชียงบ้านเรา ปรุงรสเผ็ดเล็กน้อย แผ่นนึงเล็กกว่ากระดาษ A4 ราคาแผ่นละ 65-75 MOP มีให้ชิมก่อนซื้อ

4. ปลาเค็ม ฟังแล้วอาจจะเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่ที่มาเก๊า ปลาเค็มเค้าขึ้นชื่อนะครับ คนไทยชอบไปกินข้าวหมูสับปลาเค็ม ราคาน่าจะแพงกว่าบ้านเรา ถ้าจะซื้อกลับมาอย่าลืมแพ๊คดีๆ แล้วโหลดใส่กระเป๋าเดินทางนะครับ

หมูแผ่น

ปลาเค็ม

ของฝากครับ ซื้อกลับมา 2 ถุงใหญ่ๆ

มองซ้ายมองขวาเห็นร้านอาหารจีนน่าทานดี ชื่อร้าน Wong Chi Kei ตอนกลางวันคนมาต่อคิวกินกันเต็ม คนแน่นร้าน

ร้าน Wong Chi Kei เป็นร้านอาหารชื่อดังของมาเก๊า เปิดให้บริการในปี ค.ศ.1946 มีสาขาอยู่ 2 ที่ฮ่องกง กับ มาเก๊า สำหรับสาขามาเก๊าจะอยู่ที่ Senado square ตรงอาคารสีเหลือง เป็นร้านตึกแถวมีที่นั่งทานอยู่ 3 ชั้น ร้านเปิดประมาณ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ของขึ้นชื่อของร้านนี้จะเป็นพวกบะหมี่ เช่น บะหมี่เป็ด บะหมี่โรยหน้าไข่กุ้ง และ โจ๊กหมูใส่ตับ

เราดูเมนูอยู่นาน ไม่รู้จะสั่งอะไร ไม่มีรูปให้ดูด้วย สุดท้ายได้ข้าวผัด กับอะไรซักอย่างที่คล้ายๆ ราดหน้าบ้านเรา (Fried noodle with shred pork) รสชาติใช้ได้ครับ เห็นร้านดูดี ตั้งอยู่ใน Senado ด้วยแต่ราคาไม่แพงอย่างที่คิด มื้อนี้หมดไป 90 MOP เท่านั้น

ช่วงเย็นเค้าเริ่มเปิดไฟประดับ เทศกาลตรุษจีน สวยไปอีกแบบครับ

ของฝากที่ซื้อมา คุกกี้อัลมอนด์ กล่องนึงมี 18 ชิ้น กล่องละ 29 MOP

ส่วนเบียร์ TSINGTAO ไม่ใช่ของฝากครับ ผมทานเองหมดในคืนนี้แหล่ะ เบียร์ TSINGTAO เป็นเบียร์จีน มีขายในจีน ฮ่องกง มาเก๊า รสชาติคล้ายไฮนาเก้น แต่ราคาเบาๆ เท่าน้ำอัดลม กระป๋องละ 5.9 MOP ถ้าซื้อในจีนจะถูกกว่านี้อีก แต่ผมสังเกตว่าคนจีน ฮ่องกง มาเก๊า ไม่ค่อยกินเบียร์เยอะเหมือนอย่างคนไทย แต่จะสูบบุหรี่จัดกว่า

คืนวันที่ 2 เราก็นอนกันแต่หัวค่ำ เวลาอยู่บ้านผมจะเป็นโรคนอนหลับยาก เพราะชอบทำงานจนไปคิดต่อตอนนอน แต่พอไปเที่ยวไม่ได้ทำงาน หลับง่าย

วันที่ 3 : รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ดอกบัวสีทอง หมู่บ้านไทปา เดินทางกลับ

วันนี้เราอาบน้ำเสร็จมารอเวลาอาหารเช้าของโรงแรม จริงๆ แล้วก็มีร้านโจ๊กอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Ole Tai Sam Un เห็นเค้าว่ารสชาติใช้ได้ด้วย ชามละ 22 MOP แต่ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษอยู่ในร้านเลย ถ้าจะสั่งก็ใช้วิธีชี้ที่ชามที่โต๊ะข้างๆ แล้วกันครับ หรือไม่ก็ลงทุนหารูปหาภาษาจีนติดตัวไว้แล้วยื่นให้เค้าดู

มื้อนี้คงไม่รีวิวแล้วนะครับ เดี๋ยวจะซ้ำไปซ้ำมา ตัดตอนมาที่ทานข้าวเสร็จแล้ว เราเช็คเอ้าต์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ได้มัดจำคืนมา 300 MOP วันนี้เราจะไปถ่ายรูปที่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่งที่อยู่ริมทะเล และดอกบัวสีทอง นั่งรถไปเวเนเชี่ยน เที่ยวหมู่บ้านไทปา ขึ้นเครื่องกลับ

การเดินทางไปรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมให้นั่งรถสาย 3A ที่ฝั่งตรงข้าม Senado ค่ารถคนละ 3.2 MOP ไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ไม่ต้องกลัวหลงครับ ก่อนถึงจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมสูงเด่นมาแต่ไกล

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม องค์นี้เป็นเจ้าแม่กวนอิมที่มีใบหน้าเหมือนชาวตะวันตก เนื่องจากว่าโปรตุเกสสร้างให้กับมาเก๊า รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของมาเก๊าที่คนนิยมมาถ่ายรูป ที่ฐานของรูปปั้นเป็นรูปกลีบดอกบัวเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมา เมื่ออยู่ตรงฐานเจ้าแม่กวนอิมสามารถมองเห็นวิวเกาะไทปาและสะพานข้ามระหว่างเกาะ

อาคารทรงกรวยคว่ำเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์มาเก๊า

ใบหน้าเจ้าแม่กวนอิมแบบชัดๆ

จากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมนั่งรถเมล์ไปประมาณ 2 ป้ายก็จะเจอกับ จัตุรัสดอกบัวทองคำ (Lotus Square)

ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของเกาะมาเก๊า ธงชาติของมาเก๊าจะเป็นดอกบัว และดาวเล็ก 5 ดวง บนพื้นหลังสีเขียว

ดอกบัวทองคำนี้โปรตุเกสสร้างให้กับมาเก๊าในปี ค.ศ. 1999 ดอกบัวทองคำทำจากวัสดุทองแดงชุบทอง สูง 6 เมตร

ในสถานที่สำคัญของมาเก๊าจะมีห้องน้ำสาธารณะทุกที่ ห้องน้ำสะอาด เข้าได้ฟรีครับ

จากดอกบัวทองคำเดินไปอีกฝั่งของถนนจะเป็นพิพิธภัณฑ์ไวน์มาเก๊า (Wine Museum of Macau) และ พิพิธภัณฑ์รถแข่ง (Macau Grand Prix Museum)

พิพิธภัณฑ์จะอยู่ในอาคารนี้ครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไป ผมนั่งรถเมล์กลับไปโรงแรม ไปเอากระเป๋า แล้วรอรถ Venetian ฟรีที่ท่าเรือ Yuet Tung Pier ข้างโรงแรม Macau Master ในระหว่างที่จะไปถึงที่ขึ้นรถเห็นรถวิ่งออกไปต่อหน้าต่อตาเลย เลยต้องรอคันใหม่

รถบัสเปิดประทุนชมเมืองมาเก๊า ของ Galaxy

บ้านของชาวมาเก๊าเค้าอยู่กันแบบนี้ครับ ตึกแถวบ้าง แฟลตบ้าง คอนโดบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นบ้านเดี่ยวสวยๆ ในมาเก๊าเลย หรือว่ารัฐบาลไม่ให้สร้างก็ไม่รู้

รอรถประมาณ 20 นาทีรถก็มา ก็รอไม่นานเท่าไหร่ครับ

รถวิ่งมาจอดที่ West Lobby เราก็ฝากกระเป๋าเค้าไป และให้เค้าส่งต่อกระเป๋าเราไปยัง Main Lobby เราจะได้ไปรับกระเป๋าแล้วขึ้นรถไปสนามบินได้เลย เดี๋ยวเราจะไปเดินเล่น เตร็ดเตร่ที่หมู่บ้านไทปา ที่อยู่ใกล้ๆ Venetian

การเดินทางไปหมู่บ้านไทปาแบบไม่เสียตังค์สามารถเดินทางได้ 2 แบบ

1. นั่งรถ Bus จาก Venetian ไปลง Galaxy casino แล้วนั่งรถ Bus จาก Galaxy casino ไปลงหมู่บ้านไทปา อาจจะดูหลายต่อแต่จริงๆ แล้วระยะทางสั้นมากครับ เสียเวลารอรถมากกว่าเวลาอยู่บนรถเสียอีก

2. เดินจาก Venetian ไปหมู่บ้านไทปา

ผมเลือกข้อ 2 ครับ

ทางเดินไปหมู่บ้านไทปา

1. ออกจาก Venetian ทาง West Lobby เดินไปหาป้าย LED ขนาดใหญ่ในรูปด้านบน

2. เดินเลยป้ายจะเจอถนนใหญ่ให้เลี้ยวขวาจะมีสะพานลอย เดินขึ้นไปเลยครับ

3. ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม

4. ลงสะพานลอยจะเจอกับทางเลื่อน ที่สุดทางเลื่อนจะมีทางแยก 2 ทาง เลี้ยวซ้ายไปถนนสายอาหาร (Rua Do Cunha) มีของกิน ของฝากคล้ายกับที่ Senado ถ้าเลี้ยวขวาจะไปพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา (Taipa House Museum)

เราเลือกเดินไปทางซ้ายก่อน เจอบันไดแบบนี้ลงไปเป็นถนนสายอาหาร

ถนนเส้นนี้มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนมของฝาก แต่โดยส่วนตัวแล้วผมว่าดูเงียบและของไม่เยอะเท่าถนนเส้นไปโบสถ์เซ็นต์ปอลที่เซนาโด้

ร้านขายของฝากคุกกี้อัลมอนด์ หมูแผ่น ถั่วตัด โปสการ์ด

ถนนเส้นนี้ยาวประมาณ 100 กว่าเมตรก็สุดแล้ว

ถ้าใครนั่งรถ Bus ของ Galaxy Casino <–> หมู่บ้านไทปา รถจะจอดบริเวณนี้ครับ

ตู้สีแดงในรูปด้านบนเป็นตู้ไปรษณีย์ของมาเก๊า ที่เห็นว่าตู้มีขนาดใหญ่เพราะว่ามีระบบคอมพิวเตอร์ คำนวณน้ำหนัก ระยะทาง ราคาให้เสร็จสรรพ คนส่งก็หยอดตังค์ลงตู้ไปให้ครบ ดูแล้วสะดวกดีครับ บ้านเราน่าจะนำระบบนี้มาใช้บ้าง ทุกวันนี้เวลาไปไปรษณีย์จะต้องเสียเวลารอคิวนาน

เราเดินวกกลับไปทางพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา

ระหว่างทางเห็นตึกที่อยู่อาศัยของชาวมาเก๊า อยู่กันบนตึกสูง เหมือนแฟลต ตึกนี้อยู่ห่างกับ Venetian ไม่กี่ร้อยเมตร ซ่อนตัวอยู่เนินด้านล่างบนเกาะไทปา ความหรูหราสวยงาม ผิดกันกับ Venetian อย่างลิบลับ

โบสถ์แม่พระคาเมล (Our lady of carmel Church) สีเหลืองขาว เป็นโบสถ์คาทอลิคแห่งเดียวบนเกาะไทปา สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1875 แต่ดูจากสภาพแล้วยังดูดีอยู่มาก แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 100 ปี

ที่ฝั่งตรงข้ามโบสถ์อาคารสีเหลืองชั้นเดียวเป็นห้องสมุดของเกาะไทปา เป็นห้องสมุดเล็กๆ

ถนนเส้นเล็กๆ บริเวณหมู่บ้านไทปาเป็นถนนที่มีรถวิ่ง รถเมล์ก็วิ่งผ่าน วิ่งทีเต็มถนนเลย เวลาเดินก็ระมัดระวังด้วยครับ

ถัดจากโบสถ์เป็น พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา (Taipa House Museum)

พิพิธภัณฑ์มีอยู่ด้วยกัน 5 หลัง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เป็นบ้านเก่าแก่ทรงโปรตุเกส เคยเป็นที่อยู่ของชาวโปรตุเกสในสมัยก่อน และได้บูรณะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1999 บริเวณนี้บรรยากาศร่มรื่น พิพิธภัณฑ์จะปิดในวันจันทร์ ถ้ามาวันอื่นจะสามารถเข้าชมในตัวบ้านได้

พิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นบ้านทั้ง 5 หลัง แต่ละหลังมีชื่อเรียกดังต่อไปนี้

1. Macanese House

2. House of Islands

3. House of the Portugal Regions

4. Exhibition Gallery

5. House of Reception

พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา เป็นสถานที่ที่คนมาเก๊าชอบมาถ่ายรูป Pre wedding กัน และวันนี้เราก็เจอว่าที่คู่บ่าวสาวมาถ่ายรูป

ตรงนี้เป็นบึงบัวแต่บัวตายไปหมดแล้วครับ น่าจะนำเข้าดอกบัวไทยมาปลูกคงจะดูสวยงามกว่านี้

มองเห็น Venetian ทั้งตึก ส่วนที่เป็นตึกสูงเป็นส่วนโรงแรมของ Venetian

บรรยากาศโรแมนติค เหมาะกับการชวนคนรักมานั่งเล่น หลีกหนีจากวัตถุนิยม ความหรูหราในคาสิโน

สวนเล็กๆ ในหมู่บ้านไทปา

ดูแห้งแล้งไปหน่อย คงเป็นช่วงที่เค้ากำลังจะลงต้นไม้ใหม่

ออกจากหมู่บ้านไทปา ข้ามสะพานลอยกลับมาทางเดิม เข้า West Lobby ของ Venetian

เดินเล่นใน Venetian ซักพัก ทานข้าวกลางวัน ซื้อทาร์ตไข่กลับ แล้วรับกระเป๋า รอขึ้นรถไปสนามบินที่ Main Lobby

รถมาส่งที่อาคารผู้โดยสาร คนละที่กับตอนขาไป Venetian

ลากกระเป๋าเข้าอาคารผู้โดยสารได้เลย

สนามบินมาเก๊าเป็นสนามบินเล็กๆ มีร้านขายของ Circle K ในสนามบิน ของร้านนี้ขายไม่แพงมาก บวกเพิ่มจากปกติไม่มาก มีแซนวิช ขนมปัง ทาร์ตไข่ เครื่องดื่ม ขนม ของใช้ทั่วไป ผมว่าทาร์ตไข่ที่ร้านนี้พอที่จะเป็นของฝากกลับประเทศไทยได้สำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปซื้อ อย่างน้อยก็เป็นทาร์ตไข่ของแท้จากมาเก๊า

หลังจาก Check in โหลดกระเป๋า เข้า ตม. ประทับตราขาออกจากมาเก๊า ก็รอขึ้นเครื่องที่อาคารผู้โดยสารขาออก เกทขึ้นเครื่องมีเพียง 8 เกทเท่านั้น ในโซนนี้มีร้านอาหารเพียงร้านเดียว แนะนำว่าทานมาก่อนเข้าสนามบินจะสะดวกกว่า หรือจะทานบนเครื่องก็ได้

Duty free ในสนามบินมาเก๊า ราคาไม่ถูกเท่าไหร่ น่าจะพอๆ กับ King power บ้านเรา

ร้านขายขนม ช๊อกโกแล๊ต ของฝาก

มุมคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนต และที่ชาร์จโทรศัพท์

มีตู้ขายซิมการ์ดด้วย ถ้าจะให้ดีตู้นี้ควรจะตั้งให้ผู้โดยสารขาเข้าซื้อ แต่นี่อยู่ตรงขาออก ซึ่งมีแต่คนรอขึ้นเครื่อง

ที่นั่งรอขึ้นเครื่อง

เที่ยวบินขากลับของเราเป็นเที่ยวบิน FD2545 เวลา 17.50 น. มีการย้ายเกทจาก 8 เป็น 7 ด้วยต้องคอยสังเกตดีๆ นั่งเพลินอาจตกเครื่องได้

เครื่องบินมาถึงแล้ว

ต่อคิวลงไปขึ้นรถบัส รถบัสวิ่งอ้อมรอบสนามบินไปจอดข้างเครื่องบิน

และแล้วเราก็บินออกจากมาเก๊า ถึงประเทศไทยโดยปลอดภัย ทริปนี้สนุกมากครับ ได้เที่ยวมาเก๊าทั้ง 3 เกาะ คนส่วนมากมาเที่ยวมาเก๊ากัน 1-2 วัน เฉพาะสถานที่สำคัญในย่านเมืองเก่า ทริปนี้เรามีเวลาเยอะ เลยได้ไปเที่ยวหลายที่ จริงๆ แล้วมาเก๊ายังมีอีกหลายมุมมองที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก เช่นความเป็นชนบทของหมู่บ้านโคโลอาน ส่วนจัดแสดงแพนด้ายักษ์ ใครที่อยากจะไปเที่ยวมาเก๊าแต่ไม่รู้จะไปไหน เดินทางยังไง สามารถศึกษาได้จากรีวิวนี้เลยครับ หรือจะตามรอยไปก็ยินดีครับ แล้วจะรู้ว่ามาเก๊ามีอะไรมากกว่าที่คิด

ค่าใช้จ่ายเที่ยวมาเก๊า 3 วัน 2 คืน 2 คน

– ค่าตั๋วเครื่องบิน 2 คน เลือกที่นั่ง โหลดกระเป๋าขาไป 15 กิโลกรัมและขากลับ 25 กิโลกรัม รวม 6,655 บาท

– ค่าโรงแรม Ole Tai Sam Un 2 คืน 6,841 บาท

– ค่าอาหาร 3,000 บาท

– ขนม, ของฝาก, ชอปปิ้ง 2,500 บาท

– ค่ารถเมล์ในมาเก๊า 200 บาท

– อื่นๆ 500 บาท

รวม 19,696 บาท หรือเฉลี่ยคนละ 9,848 บาท

Link. เช็คราคาโรงแรม Ole Tai Sam Un มาเก๊า

Post Views 95252

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

24 thoughts on “เที่ยวมาเก๊าไม่ง้อทัวร์ 3 วัน 2 คืน เมืองเก่ามาเก๊า ไทปา โคโลอาน

  • July 17, 2013 at 1:07 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆเลยนะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
    กำลังจะไปเที่ยวแบคแพคเดือน กันยา 56 นี้ค่ะ ขอตามรอยทริปนี้นะคะ ^^

  • July 17, 2013 at 1:11 pm
    Permalink

    ตอบคุณ film

    ยินดีมากๆ เลยครับ ^^

  • September 27, 2013 at 4:44 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากค่ะ ละเอียดและทำให้รู้วิธีเดินทางไปที่ต่างๆ กำลังจะไปเองค่ะ

  • January 15, 2014 at 11:12 am
    Permalink

    ขอบคุณข้อมูลของพี่มากเลยครับ เป็นประโยชน์มากเลย ตามรอยไปเกือบทุกที่เลยครับ เสริมนิดนึงครับ มีร้านบะหมี่ร้านนึงตรงข้ามโรงเรียน GAO YIP รสชาติถูกปากมากเลยครับพี่

  • January 15, 2014 at 11:15 am
    Permalink

    ตอบคุณ Rome Raphicha

    ยินดีมากๆ เลยครับ ที่ริวิวนี้มีประโยชน์ 🙂

  • January 15, 2014 at 4:57 pm
    Permalink

    จริงๆ ฮะผมว่ามีหลายๆ คนที่พลาดโคโอานไปแน่ๆ เพราะว่าตอนผมนั่งรถเข้าไปมันกำลังก่อสร้างึล้ายๆกับเคหะ แถมคนก็น้อยด้วยน่ะครับ ส่วนวัดเต่าพอขึ้นไปด้านบนที่รูปปั้นอาม่า เออระหว่างทางมันจะผ่านเตาไฟสวรรค์ก่อน แต่รูปปั้นอาม่ากับวิวด้านบนนี่สวยจริงๆครับ ต้นว่านหางจระเข้ก่อนถึงรูปปั้นมีคนไปสลักชื่อตรึมเลย ฮ่าๆ

  • January 15, 2014 at 7:59 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Rome Raphicha

    ใช่ครับ คนส่วนมากไม่ได้ไปเกาะโคโลอานกัน ผมว่าเกาะโคโลอานมันก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะเหมือนชนบทของมาเก๊า เงียบๆ ดูเป็นชาวบ้านๆ ดี

  • January 15, 2014 at 10:56 pm
    Permalink

    ใช่ครับดูสงบไม่วุ่นวายมีมนเสน่ห์ มีวิถีชีวิตชาวบ้านดีนะครับ ยิ่งตอนที่นั่งรถมาลงโคโลอาน จะมีอยู่จุดๆ นึงที่รอบๆเป็นตึก แต่บริเวณนั้นจะมีแปลงนา มันดูอาร์ตดีนะ

  • January 19, 2014 at 11:35 pm
    Permalink

    ไปมาแล้วครับต้องขอขอบคุณมากๆๆเลยครับที่ทำให้รู้หลายที่
    แต่ผมกับน้องๆกว่าจะไปถึงก็ลำบากหน่อยครับลงรถก่อนที่จะถึงป้ายรถเมล์บ้างแต่เราก็ไปถึงครับสนุกดีครับที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ขอบคุณครับ:)

  • January 20, 2014 at 7:10 am
    Permalink

    ตอบคุณ Ole inpuhwa

    ยินดีมากๆ เลยครับที่รีวิวนี้มีประโยชน์ การนั่งรถเมล์แนะนำให้ดูใน google street ก่อนครับจะได้คุ้นตากับวิว 2 ข้างทาง ทีนี้ก็ลงไม่ผิดป้ายแล้วครับ 🙂

  • February 10, 2014 at 5:42 am
    Permalink

    ผมไป 4วัน3คืนครับ นอนฮ่องกง 1 คืน มาเก๊า 2 คืน ครับ

    รบกวนถามครับ ถ้าข้ามเรือเฟอร์รี่ เด็ก อายุ 1 ขวบ 3 เดือน นี้ต้องซื้อตั๋วไหมครับ พอทราบราคาตั๋วไหมครับ

    ขอบคุณครับ

  • February 10, 2014 at 1:36 pm
    Permalink

    ตอบคุณ nesveta

    – ของ TurboJet และ CotaiJet เด็กอายุมากกว่า 1 ปีต้องซื้อตั๋วครับ โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีมีส่วนลดให้ 15 HKD

  • February 10, 2014 at 10:50 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากๆๆครับ

  • May 1, 2014 at 10:46 am
    Permalink

    ชอบ admin บรรยายอ่านแล้วเข้าใจทำให้การเดินทางไปที่ต่าง ๆ ไปได้ง่าย ตามรอยได้อย่างสบายใจทำให้ไม่กลัว ขอรบกวนถามว่ารถฟรีของคาสิโนต่าง ๆ ให้เด็กขึ้นได้มั้ยหรือ admin เคยเห็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีขึ้นรถมั้ยคะตอนที่ไปมา เนื่องจากไปอ่านเจอในหนังสือท่องเที่ยวเขาบอกว่ารถฟรีของคาสิโนไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อมูลใหม่หรือเปล่า) เนื่องจากจะไปกันทั้งครอบครัวมีเด็กด้วยคะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากคะ

  • May 1, 2014 at 11:12 am
    Permalink

    ตอบคุณ Ay

    รถฟรี Casino เด็กก็ขึ้นได้นะครับ ตอนที่ไปผมก็เห็นเค้าขึ้นครับ เรื่องที่ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ห้ามขึ้น ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่า น่าจะเป็นในส่วนของบ่อนที่ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 เข้าไป นอกเหนือจากรถ Casino ก็ยังมีรถเมล์ รถ taxi ค่ารถเค้าไม่แพงครับ นั่งสบายด้วย

  • October 21, 2014 at 9:13 pm
    Permalink

    จะไปมาเก๊าเอง 2 คน ช่วง 12-14ธ.ค57 ออกจากเชียงใหม่ 11.55 ถึงบ่าย 3โมงกว่าๆ กลับ เที่ยว 4โมงเย็น อยากขอช่วยจัดตารางเที่ยวแบบไม่แน่นเอียด เพราะ 2คนรวมกันเกิน 100 ล่ะค่ะ แนะนำที่พักด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

  • October 21, 2014 at 9:22 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Pha

    เอาแบบง่ายที่สุดก็ลอกที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว ตามรีวิวเลยครับ 3 วัน 2 คืนเหมือนกันเลย ทริปในรีวิวไปแบบเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยครับ ^^

  • January 17, 2015 at 7:48 pm
    Permalink

    1. ขอสอบถามเวลาเดินรถ Shutter bus ของ เวเนเชี่ยน คะ
    สาย Yuet Tung Pier ที่ขึ้นตรง Macau Master รถเริ่มวิ่งตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมงคะ
    2. offline map พี่ใช้แอปอะไรคะ ขอคำแนะนำสำหรับ ios ด้วยคะ

    ขอบคุณมากคะ รีวิวของพี่มีประโยชน์สำหรับหนูมากเลย หนูลอกเลยคะ ^^

  • January 17, 2015 at 8:14 pm
    Permalink

    ตอบคุณ พลอยใส

    1. ขอสอบถามเวลาเดินรถ Shutter bus ของ เวเนเชี่ยน คะ
    สาย Yuet Tung Pier ที่ขึ้นตรง Macau Master รถเริ่มวิ่งตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมงคะ

    จากข้อมูลของทางเวบ Venetian http://www.venetianmacao.com/assets/venetian-schedule-2015-en.pdf

    บอกว่าวิ่ง 10.00-18.00 น. ครับ

    2. offline map พี่ใช้แอปอะไรคะ ขอคำแนะนำสำหรับ ios ด้วยคะ

    ก่อนไปก็เปิด app google map ในมือถือ ซูมเข้า ซูมออก สถานที่ที่จะไป ตัว app มันจะ cache ข้อมูลให้ครับ ตอนไปถึงมาเก๊าก็เปิด GPS แต่ไม่ได้ต่อเนต แผนที่มาเก๊าที่เราเคยเปิดดูมันก็พอจะเปิดดูได้อยู่แบบ Offline

    แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ แค่แผนที่แจกฟรีในสนามบินก็เพียงพอต่อการเดินทางในมาเก๊าแล้ว

    ขอบคุณมากคะ รีวิวของพี่มีประโยชน์สำหรับหนูมากเลย หนูลอกเลยคะ ^^

    ยินดีครับผม ^^

  • December 11, 2015 at 11:19 pm
    Permalink

    ขออนุญาตถามเพิ่มเติมค่ะ

    1. สายรถเมล์ต่าง ๆ จะวิ่งถึงกี่โมงคะ
    2. ถ้าพักที่โรงแรม Ole London แล้วอยากไปดูพลุ / การแสดงที่โรงแรมต่าง ๆ จะเดินทางด้วยรถเมล์หรือรถของโรงแรมเหล่านั้นได้บ้างคะ รถจะวิ่งถึงกี่โมง และรถของโรงแรมจะขึ้นได้ที่ไหนบ้างคะ คือ จากที่ท่องเที่ยวเพื่อกลับเข้าโรงแรมอ่ะค่ะ

    ขอบคุณค่ะสำหรับรีวิวเจ๋ง ๆ สุดยอด สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวนี่ ยังกะคัมภีร์มหาสมบัติเลยค่ะ ^^

  • March 4, 2016 at 1:10 am
    Permalink

    ตั้งแต่อ่านรีวิวการท่องเที่ยวต่างประเทศมา รีวิวนี้ทำให้อยากไปเองมากเลยคะ คือละเอียดมากมีประโยชน์มากๆ เลยคะ

  • March 5, 2016 at 2:15 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Oomsin

    ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ 🙂

  • September 7, 2017 at 9:50 pm
    Permalink

    สอบถามหน่อยค่ะตลอดทริปรวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณเท่าไหร่คะ

  • September 7, 2017 at 9:55 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ben

    ด้านล่างรีวิวมีบอกครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *