รีวิวเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ดำน้ำโซนใน – โซนนอก
ถ้าจัดอันดับ 1-3 ทะเลไทยที่สวยงาม ใน 3 อันดับนี้ต้องมี เกาะหลีเป๊ะ อย่างแน่นอน เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะที่มีน้ำทะเลใส ทรายขาว และเป็นแหล่งดำน้ำที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีความหลากหลายของโลกใต้น้ำไม่ว่าจะเป็นปะการัง ปลาทะเล หรือดอกไม้ทะเล ด้วยความสวยงามของเกาะหลีเป๊ะจึงมีคนขนานนามเกาะหลีเป๊ะว่าเป็นมัลดีฟประเทศไทย และ ททท ได้ยกให้เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะสุดโรแมนติค 1 ใน Dream Destination ของประเทศไทยที่ควรไปซักครั้งนึงในชีวิต
ข้อมูลเกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะใน จ.สตูล ทะเลฝั่งอันดามัน อยู่ใกล้กับน่านน้ำประเทศมาเลเซีย และไม่ไกลจากเกาะลังกาวีของมาเลเซีย บนเกาะมีพื้นที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร รูปร่างของเกาะคล้ายกับบูมเมอร์แรง ที่มาของชื่อ “หลีเป๊ะ” มาจากภาษาชาวเลอุรักลาโว้ย แปลว่า กระดาน หรือ แบนราบ เนื่องจากภูมิประเทศของเกาะหลีเป๊ะเป็นที่ราบ ไม่มีภูเขา บนเกาะหลีเป๊ะมีหาดใหญ่ๆ อยู่ 3 หาด ได้แก่หาดพัทยา หาดซันไรส์ และ หาดซันเซต มีน้ำทะเลที่ใสมาก ทรายขาวละเอียด มีแนวปะการังรอบเกาะหลีเป๊ะ
นั่งเครื่องบินมาเที่ยวหลีเป๊ะ
การเดินทางมาเกาะหลีเป๊ะนั้น สามารถนั่งเครื่องบินมาลงได้ที่สนามบินหาดใหญ่ และ สนามบินตรัง จากนั้นก็ต่อรถตู้ไปลงที่ท่าเรือปากบารา สำหรับสนามบินที่สะดวกในการเดินทางจะเป็นสนามบินหาดใหญ่ เนื่องจากมีเที่ยวบินเยอะ เวลาดี สะดวกในการนั่งรถ ต่อเรือ รถตู้ก็มีเยอะ ส่วนสนามบินตรังนั้นจริงๆ แล้วระยะทางไปท่าเรือปากบาราใกล้กว่าสนามบินหาดใหญ่เสียอีก แต่ไม่ได้รับความนิยม เพราะเที่ยวบินมีน้อย รถตู้ก็มีน้อยไปด้วย และมีความเสี่ยงที่จะไปไม่ทันเรือรอบ 11.30 น. เพราะรถตู้ต้องไปรับคนหลายที่
ระยะทางจากสนามบินหาดใหญ่ – ท่าเรือปากบารา = 131 กิโลเมตร
ระยะทางจากสนามบินตรัง – ท่าเรือปากบารา = 106 กิโลเมตร
แต่ข้อดีของการนั่งเครื่องมาลงที่ตรัง คือตั๋วค่อนข้างถูก มีโปรฯ จาก Air asia บ่อย อย่างทริปนี้ผมก็ได้ตั๋ว 0 บาท จาก Air asia มา ค่าเดินทาง กรุงเทพฯ – ตรัง คนละ 160.5 บาทเท่านั้น เสียแต่ค่าภาษีสนามบิน ได้ตั๋วถูกแต่ก็ต้องแลกกับการเดินทางที่ไม่สะดวกเหมือนหาดใหญ่
ไปหลีเป๊ะช่วงไหนดี
จริงๆ แล้วเกาะหลีเป๊ะสามารถเดินทางไปได้ทั้งปี เพราะไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ ที่มีช่วงเวลาปิดเกาะ แต่ถ้าอยากเห็นหลีเป๊ะในตอนที่สวยที่สุด จะเป็นเดือนธันวาคม – มีนาคม จะเป็นช่วงที่ฟ้าสด น้ำทะเลใส ไม่มีฝน ส่วนเดือนเมษายน เริ่มมีโอกาสจะเจอฝนตก ฟ้าหลัว และเดือนที่เหลือจะเป็นช่วงมรสุม คนไม่ค่อยมาเที่ยว ค่าที่พักจะถูก ต้องวัดดวงเอา บางคนมาเที่ยวช่วงนี้ก็เจอฝนไม่กี่วัน บางคนก็เจอทุกวัน
วางแผนการเดินทาง
ทริปนี้มี 4 วัน พักที่เกาะหลีเป๊ะ 2 คืน และที่ตรังอีก 1 คืน เนื่องจากว่าเราเดินทางมาลงที่ตรัง การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเหมือนหาดใหญ่ ดังนั้นควรติดต่อรถตู้ให้มารับที่สนามบินล่วงหน้า รถตู้ที่ให้บริการจากตรัง มาท่าเรือปากบาราจะเป็นรถตู้ของแอนดรูทัวร์ (Andrew Tour) สามารถโทรจองกับแอนดรูทัวร์ได้โดยตรง หรือ กับเอเจนซี่ที่ขายเป็น package ทัวร์เกาะหลีเป๊ะก็ได้ ส่วนผมจองเป็น package รถตู้ไปกลับตรัง – ท่าเรือปากบารา + ตั๋วเรือ Ferry ไปเกาะหลีเป๊ะ + One day trip ดำน้ำโซนใน + โซนนอก กับเอเจนซี่อีซี่หลีเป๊ะ www.easylipe.com เจ้านี้เชื่อถือได้ ใน pantip ใช้บริการกันบ่อย มีออฟฟิตอยู่ที่ท่าเรือปากบารา
รายละเอียด Package ของ 2 คน
– รถตู้สนามบินตรัง – ท่าเรือปากบารา 250×2 = 500 บาท
– เรือไปเกาะหลีเป๊ะ 450×2 = 900 บาท
– Trip เล่นน้ำเรือหางยาว (โซนใน + โซนนอก)+ข้าวกล่องมื้อเที่ยง (Join tour) 750×2 = 1,500 บาท
– เรือกลับท่าเรือปากบารา 450×2 = 900 บาท
– รถตู้ท่าเรือปากบารา – สนามบินตรัง 250×2 = 500 บาท
รวม 4,300 บาท
ที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ
หลังจากจ่ายค่า package การเดินทาง และ One day trip แล้ว ก็เหลืออีก 1 อย่างคือที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ บนเกาะหลีเป๊ะนั้นที่พักจะอยู่ริมชายหาด ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 หาด ได้แก่ 1. หาดพัทยา หาดนี้จะมีที่พักค่อนข้างเยอะ ร้านอาหารเพียบ อยู่ใกล้ถนนคนเดิน ชายหาดน้ำใส เล่นน้ำได้ 2. หาดซันไรส์ (หาดชาวเล) หาดนี้ทะเลสวยสุด น้ำใส ทรายขาว คนไม่เยอะเหมือนหาดพัทยา ไปถนนคนเดินสะดวก 3. หาดซันเซท (หาดประมง) หาดนี้รีสอร์ทไม่เยอะ เงียบสงบดี ชายหาดสวยสู้ 2 หาดแรกไม่ได้ และไกลจากถนนคนเดิน
ที่พักยอดนิยมของเกาะหลีเป๊ะได้แก่ Mountain View (หาดซันเซท), บันดาหยารีสอร์ท (หาดพัทยา), วารินทร์รีสอร์ท (หาดพัทยา, ซันไรส์), Zanom (หาดซันไรส์) ส่วนที่พักแนวหรู พูลวิลล่ามีอยู่ที่เดียว Serendipity (หาดซันไรส์) เหมาะที่จะมาฮันนีมูน
ที่พักบนเกาะหลีเป๊ะช่วงไฮซีซั่นราคาค่อนข้างแพง เป็นไปตาม demand และต้นทุนค่าน้ำ ไฟ ที่ค่อนข้างแพง ที่พักแบบถูกๆ จะเป็นห้องพัดลม บ้านลักษณะกระต๊อบราคาประมาณ 1 พันกว่าบาท ส่วนห้องแอร์จะราคา 2 พันบาทขึ้นไป หรือถ้าอยากพักแบบราคาประหยัดมีอีกหนึ่งตัวเลือกคือไปพักที่เกาะอาดัง เป็นเกาะที่อยู่ใกล้ๆ เกาะหลีเป๊ะ ข้ามเรือไปประมาณ 10 นาที มีบ้านพักอุทยานฯ และ ที่กางเต๊นท์ บ้านพักราคาถูกมากคืนละไม่ถึง 1,000 บาท
สำหรับทริปนี้เราเลือกดูห้องว่างใน agoda ซึ่งมีอยู่ไม่มาก ก็ได้จอง Wapi resort ห้องแอร์ ซีวิว ที่หาดซันไรส์ ในราคาที่พอรับได้
วันที่ 1 : เดินทางไปหลีเป๊ะ
เที่ยวบินกรุงเทพฯ – ตรัง ของเราเป็นเที่ยวบิน FD 3241 เครื่องออกเวลา 8.00 น. ถึงตรัง 9.25 น. วันนี้ขึ้นเครื่องด้วย Bus gate ครับ
ได้ที่นั่ง 17F วิวปีก เป็นที่นั่งที่ Air asia Random มาให้เรา ตั้งแต่ Air asia ปรับราคาเลือกที่นั่งเลยไม่จองเลย ประหยัดได้อีก
เครื่องถึงสนามบินตรังเวลา 9.25 น. ตรงตามเวลาที่ระบุไว้ ที่สนามบินตรัง ไม่มีงวงช้าง ลงจากเครื่องเดินเข้าอาคารผู้โดยสารได้เลย
ใครต้องการจะนั่งรถตู้เข้าเมืองตรัง หรือไปไหนก็ติดต่อซื้อตั๋วได้ที่นี่ รถตู้ก็จะทยอยมารับคนเข้าเมือง ส่วนคนที่พักโรงแรมธรรมรินทร์ หรือ โรงแรมเรือรัษฎาจะมีรถของโรงแรมมารับ
ส่วนเรา รอรถตู้เข้ามารับที่สนามบินตรัง ไปท่าเรือปากบารา รอประมาณ 15 นาทีรถตู้ก็มา พร้อมด้วยชาวต่างชาติอีก 4-5 คนบนรถ รถตู้ของแอนดรูทัวร์เป็นรถตู้ Toyota commuter มีที่นั่งหลังคนขับ 4 แถว แถวละ 3 คน สภาพรถตู้ก็โอเคอยู่นะครับ แอร์เย็น
การนั่งรถตู้จากตรังมาท่าเรือปากบารา เป็นอะไรที่ต้องวัดดวงเพราะอาจไม่ทันเรือรอบ 11.30 น. ต้องไปขึ้นเรือรอบ 15.00 น. เนื่องจากรถตู้ต้องไปรับผู้โดยสารหลายที่ หากมีคนเลท 2-3 คน รถตู้ก็จะเสียเวลารอทำให้ไปไม่ทันเรือรอบ 11.30 น.
โชคดีว่ารถตู้รอบนี้รับผู้โดยสารที่สนามบินเป็นที่สุดท้ายแล้วก็วิ่งยาวไปท่าเรือปากบาราเลย รวมแล้วใช้เวลาวิ่ง 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงท่าเรือ
รถตู้มาจอดที่หน้าร้าน Easylipe เจอคุณนุเจ้าของ Easylipe พอดี เลยจ่ายเงินค่า package ที่เหลือ คุยรายละเอียด One day trip คุณนุจะให้ตั๋วเรือขาไป และ ขากลับมา โชคดีว่าเรามาทันขึ้นเรือรอบ 11.30 น. แต่โชคร้ายไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง ใครที่มาเที่ยวบินรอบนี้ให้เตรียมซื้อแซนด์วิช ของกินไปกินบนเรือเอานะครับ
มองนาฬิกาจะได้เวลาขึ้นเรือแล้ว รีบเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา ที่อยู่ใกล้ๆ กับร้าน Easylipe
เตรียมพร้อมก่อนลงเรือ
– ซื้อของกินของใช้ก่อนลงเรือ ที่ปากบาราจะมีร้านขายของ ร้านสะดวกซื้อหลายร้าน ถ้ามากันหลายคนแนะนำให้ซื้อของจากที่นี่ขึ้นเรือไปหลีเป๊ะเลย เพราะของบนเกาะหลีเป๊ะราคาแพงกว่าบนฝั่งพอสมควร อย่างเช่นแปปซี่กระป๋องทั่วไปขาย 14 บาท 7-eleven บนเกาะหลีเป๊ะขาย 24 บาท
– สัญญาณโทรศัพท์ บนเกาะมีสัญญาณโทรศัพท์ครบทั้ง 3 เจ้า AIS, DTAC, True
– ตู้ ATM มีตู้ ATM ธนาคารกรุงศรีหน้า 7-eleven และถนนคนเดิน
ท่าเรือปากบาราที่เราเดินทางนี้เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้เอง รองรับเรือ Ferry ที่เดินทางไปยังเกาะตะรุเตา อาดัง ราวี และ หลีเป๊ะ
ก่อนจะไปขึ้นเรือ ต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่าคนละ 20 บาท ใครจะเข้าห้องน้ำก็ให้รีบเข้าที่ท่าเรือเลยนะครับ บนเรือไม่มีห้องน้ำ ภายในท่าเรือ กว้างขวาง ใหม่ สะอาด
จากอาคารผู้โดยสารมองออกไปก็เป็นทะเล เห็นเรือจอดอยู่
เรือที่วิ่งจากปากบาราไป เกาะหลีเป๊ะ มีทั้งเรือ Ferry และเรือ Speed boat สำหรับเรือ Speed boat จะใช้เวลามากกว่าประมาณ 30 นาที เพราะจะแวะจอดที่เกาะไข่ เกาะตะรุเตาด้วย
เรือ Ferry จะเป็นเรือใหญ่จุได้ประมาณ 100 คน ส่วนเรือ Speed boat จะเป็นเรือ 4 เครื่องยนต์ จุได้ประมาณ 50-60 คน การเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะนั้นจะผ่านเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ ถ้าใครอยากแวะที่ 2 เกาะนี้สอบถามเวลาซื้อตั๋วเรือนะครับ เพราะเรือบางลำเท่านั้นที่จอดแวะให้ลงไปเที่ยวได้
สัมภาระขนาดใหญ่ เช่นกระเป๋าเดินทางล้อลาก ลัง จะถูกโหลดไว้ที่ด้านหน้าของเรือ ส่วนกระเป๋าเป้เล็กๆ ก็สะพายขึ้นเรือไปได้เลย
เมื่อถึงเวลาขึ้นเรือจะมีเจ้าหน้าที่เรียกตามเบอร์ตั๋วเรือ
ที่นั่งของเรือจะเป็น 2 ตอน ตอนหน้า และตอนหลัง ที่นั่งตอนหน้าจะมีฝั่งละไม่กี่ที่นั่งเพราะหัวเรือมีพื้นที่แคบ ส่วนที่นั่งตอนหลังฝั่งละ 4 ที่นั่ง ในช่วงที่ไม่มีคลื่นนั่งตรงไหนก็สบายเหมือนกัน แต่ช่วงมรสุมนั่งด้านหน้าจะเมากว่าด้านหลังเพราะหัวเรือต้องเชิดขึ้น-ลง ตลอดเวลา ตามจังหวะคลื่น
เรือค่อนข้างเก่า แต่ก็แอร์เย็นสบายดี ใครหลับได้ก็หลับไปเลย ไม่ค่อยมีวิวอะไรให้ชม กระจกมัวมาก
นั่งเรือมาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะแล้ว เกาะหลีเป๊ะไม่มีท่าเรือ เรือจะจอดที่โป๊ะกลางน้ำที่หาดพัทยา ทุกคนจะต้องลงเรือที่นี่แล้วต่อเรือหางยาวเข้าหาดอีกที ไม่ว่าจะเป็นเรือ Ferry หรือ Speed boat ก็จะจอดที่โป๊ะ ไม่ไปจอดที่หาด มีคนให้เหตุผลว่าจะได้ไม่ไปทำลายปะการังใต้น้ำ ช่วงที่แล่นเรือผ่าน และ ทอดสมอ
ที่โป๊ะนี้เราจะต้องเสียเงิน 20+50 บาท เป็นค่าการจัดการ และค่าเรือหางยาวเข้าเกาะ
เรือหางยาวจะมีวิ่งไป 3 หาด หาดพัทยา, หาดซันไรส์, หาดซันเซท ต้องไปถามเค้าดูครับว่าเรือลำนี้เรือไปหาดอะไร
เรือ 1 ลำจะบรรทุกคนประมาณ 10 คน ที่พักของผมอยู่หาดซันไรส์ เรือใช้เวลาวิ่งประมาณ 10 นาทีก็มาจอดที่ซานอม ซันไรส์รีสอร์ท จากนั้นก็เดินต่อกันเอง
ซานอม ซันไรส์รีสอร์ท
วาปีรีสอร์ท (Wapi resort) ที่พักของเราจะอยู่เลยขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาทีด้วยการเดิน
ระหว่างทางผ่าน Castaway Resort รีสอร์ทนี้จะเป็นบ้านไม้แบบดิบๆ อยู่ติดทะเลเลย ฝรั่งชอบแนวนี้กันครับ
หาดทรายขาวราวกับผงคอฟฟี่เมท น้ำทะเลก็ใสมาก เห็นแล้วอยากจะลงเล่นน้ำเลย ระหว่างทางเห็นฝรั่งนอนอาบแดด เล่นน้ำเยอะมาก ส่วนคนไทยไม่ค่อยมี หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเรามาวันธรรมดา
ถึงแล้วครับ Wapi Resort ที่พักอยู่ติดทะเลเลย เดิมทีรีสอร์ทตรงนี้เป็นของตะรุเตา คาบาน่า แล้ว Wapi Resort เข้ามาทำใหม่ ปรับปรุงดูสวยกว่าแต่ก่อนเยอะ ห้องพักของเราเป็นห้องซีวิว บังกะโล (Sea view Bangalow) ห้องแอร์ พักได้ 2 คน ในราคา 2 คืน 6,510 บาท หรือตกเฉลี่ยคืนละ 3,255 บาท ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วย จองกับ agoda ราคานี้เมื่อเทียบกับที่พักของรีสอร์ทอื่นในระดับเดียวกันถือว่าไม่แพง เพราะที่รีสอร์ทอื่นมีแพงกว่านี้อีก
Link. เช็คราคา – โปรโมชั่น Wapi Resort
การเช็คอินทำได้โดยยื่น Hotel voucher ของ agoda ให้กับฝรั่งที่ Counter Restaurant เท่านี้เองครับ ไม่มีมัดจำ เจ้าของวาปีรีสอร์ทเป็นฝรั่ง และพ่อครัวก็เป็นฝรั่งด้วย ผมคิดว่าฝรั่งคนนี้น่าจะมีภรรยาเป็นคนไทย จึงสามารถเปิดรีสอร์ทแบบนี้ได้
ฝรั่งเดินมาส่งเราที่ห้อง ที่หน้าห้องจะมีตุ่มไว้ตักน้ำล้างทรายก่อนเข้าห้อง
ลักษณะห้องพักจะเป็นห้องแอร์ ห้องไม่ใหญ่ ภายในห้องพักมี LCD TV ตู้เย็น น้ำดื่ม 2 ขวด ผ้าเช็ดตัว ผืนเล็ก 2 ผืน และ ผืนใหญ่ 2 ผืน เตียงนอนขนาด 5 ฟุต ไฟฟ้าที่นี่สามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่นอนดูสะอาดดี ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น
เก็บของเสร็จ เดินไปสำรวจรอบๆ รีสอร์ท
ที่นั่งริมหาด นั่งได้ฟรี แต่ส่วนมากฝรั่งจะนั่งยาวตั้งแต่เช้า – เย็น
ร้านอาหาร Wapi resort ในตอนเช้าเราจะมาทานข้าวที่นี่ ร้านอาหารจะอยู่ติดหาดเลย บางคนก็นอนเล่นอ่านหนังสือ ใช้ wifi ลมเย็นสบายครับ
ภารกิจแรกของทริปเกาะหลีเป๊ะคือการเดินสำรวจ 3 ชาดหาดครับ เริ่มต้นด้วย หาดซันไรส์ที่อยู่หน้าที่พัก
หาดซันไรส์ หรือ หาดชาวเล เป็นชายหาดที่สวยที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ น้ำทะเลใส, ทรายขาว มีแนวต้นสนให้ร่มเงาตลอดหาด เหมาะกับการเล่นน้ำ อีกทั้งหาดนี้ไม่ค่อยมีเรือวิ่งเข้าออกเหมือนหาดพัทยา บรรยากาศค่อนข้างสงบ นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมนอนอาบแดดที่ริมหาด มีรีสอร์ทและร้านอาหารติดริมหาดซันไรส์หลายแห่ง หากต้องการจะไปยังถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ ก็เดินจากหาดซันไรส์ไปไม่ไกล ในตอนเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่หาดนี้
หาดซันไรส์จะถ่ายรูปสวยในเวลาหลังเที่ยงไปแล้ว เพราะจะไม่ย้อนแสง น้ำทะเลที่นี่ใสมากๆ
จากหาดซันไรส์ สามารถเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ไปจนถึง Mountain resort ที่หาดซันเซทได้เลย หรือจะใช้บริการ Taxi (มอเตอร์ไซค์) บนเกาะก็ได้ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ คนละ 50 บาท
Taxi (มอเตอร์ไซค์) เกาะหลีเป๊ะ
Mountain resort เป็นรีสอร์ทที่ดังที่สุดในหาดซันเซท มีที่พักอยู่บนเนินเขา เห็นวิวสวย อยู่ตรงข้ามกับเกาะอาดัง ที่พักของ Mountain น่าจะใหญ่ที่สุดในเกาะหลีเป๊ะ มีบ้านพักทั้งหมด 100 หลัง ที่พักใหม่ๆ หลายหลัง
หาดซันเซท หรือ หาดประมง อยู่ตรงข้ามกับเกาะอาดัง หาดฝั่งนี้ค่อนข้างสงบ มีรีสอร์ทไม่เยอะ หาดมีโขดหิน วิวสวยแต่ไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นน้ำเท่าไหร่ จุดชมวิวยอดนิยมของหาดนี้จะอยู่ที่ Mountain resort ด้านบน เมื่อมองลงมาที่ทะเลด้านล่าง จะเห็นน้ำทะเลสีฟ้า และแนวปะการังใต้น้ำ มีสันทรายยื่นไปในทะเล
และหาดสุดท้ายของเกาะหลีเป๊ะ คือหาดพัทยา
หาดพัทยา เป็นชื่อที่เพี้ยนมาจาก หาดบันดาหยา หาดนี้คึกคักที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ อยู่ใกล้โป๊ะท่าเรือกลางทะเล เรือเฟอร์รี่และสปีดโบ๊ทที่มาจากท่าเรือปากบาราจะมาจอดที่โป๊ะนี้ มีเรือหางยาววิ่งเข้าออกตลอดเวลา หาดพัทยาสามารถลงเล่นน้ำได้ หาดสวย น้ำใส มีร้านอาหารริมหาดหลายร้าน ส่วนมากเปิดให้บริการตอนกลางคืน บรรยากาศคล้ายหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด สิ่งอำนวยความสะดวกในหาดพัทยาจะมีเยอะกว่าหาดอื่น ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ทัวร์ดำน้ำ ร้านอาหาร และยังเป็นจุดเริ่มต้นของถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ (Walking street)
ในตอนเช้าจะมีคนมาขึ้นเรือหางยาว One day trip รอบเกาะหลีเป๊ะ ค่อนข้างเยอะ มีเรือวิ่งเข้าออก ถ้าต้องการเล่นน้ำสามารถเล่นได้ที่ต้นหาด หรือ ท้ายหาดพัทยา
จุดเริ่มต้นของถนนคนเดินอยู่ที่ต้นหาดพัทยา ยาวไปจนเกือบถึงหาดซันไรส์
หาดพัทยา ทรายขาวน้ำใส แต่มีเรือหางยาวจอดค่อนข้างเยอะ ไม่เงียบสงบเหมือนหาดซันไรส์
ในวันธรรมดาเรือหางยาวจะจอดพักที่ริมหาด และในช่วงวันหยุด เรือก็จะออกวิ่งให้บริการดำน้ำ One day trip
ถ้าอยากจะว่ายน้ำให้เดินไปตรงท้ายๆ หาด จะเงียบกว่าช่วงกลางหาด
ในช่วงตอนเย็นร้านอาหารริมหาดพัทยา จะเอาโต๊ะมากางที่ริมหาด บรรยากาศคึกคักคล้ายหาดทรายแก้วเกาะเสม็ด
เสร็จจากการเดินสำรวจหาด ก็เย็นพอดี ได้เวลามาเดิน Walking Street ถ้าเดินมาจากวาปีรีสอร์ทก็ประมาณ 5 นาทีได้
Walking Street Lipe หรือ ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ จุดเริ่มต้นของถนนคนเดินอยู่ที่หาดพัทยายาวไปประมาณ 1 กิโลเมตร ไปจนเกือบถึงหาดซันไรส์ ถนนคนเดินจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ไปจนถึง 24.00 น. ถนนคนเดินที่เกาะหลีเป๊ะจะเป็นร้าน ไม่ได้เป็นแผงลอยเหมือนถนนคนเดินทั่วไป โดยส่วนมากจะเป็นร้านอาหาร ทั้งอาหารตามสั่ง อาหารทะเล พิซซ่า ของปิ้งย่าง โรตี นอกจากนั้นก็มีร้านสะสวกซื้อ 7-eleven ทัวร์ดำน้ำ ร้านขายของที่ระลึก อุปกรณ์ดำน้ำ ร้านอินเตอร์เนต ร้านขายยา คลีนิค ขาดเหลืออะไรมาหาดูที่ถนนคนเดินรับรองว่ามีครบ
เดี๋ยวผมจะพาเดินถนนคนเดินตั้งแต่ฝั่งหาดซันไรซ์ไปจนถึงหาดพัทยา ดูว่ามีอะไรขายบ้าง
7-eleven แห่งเดียวบนเกาะหลีเป๊ะ เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน มีตู้ ATM กรุงศรีฯอยู่ด้านหน้า ของที่ขายใน 7-eleven แพงกว่าบนฝั่งประมาณ 30-40%
ตู้ ATM ธนาคารกรุงศรีฯ
ร้านขายชุดว่ายน้ำ เสื้อผ้า โปสการ์ด
คลีนิคเวชกรรมเซาเทิร์นอันดามัน ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุมาหาหมอที่นี่ได้ครับ ที่นี่รับลูกค้าประกันด้วย หรือจะไปหาหมอที่สถานีอนามัยเกาะหลีเป๊ะก็ได้
Pooh Bar เป็นร้านอาหารและรีสอร์ท ฝรั่งนิยมมาทานข้าวร้านนี้ มีฟุตบอลให้ดูด้วย ดึกๆ โต๊ะเต็มตลอด
ร้านอาหารบางร้านมีหนังฉายให้ชาวต่างชาติดูด้วย ฉายผ่าน projector ติดตั้งเครื่องเสียงดีๆ มีหมอนให้เอน มีเครื่องดื่ม ของว่างให้สั่ง จากร้านอาหารกลายเป็นโรงหนังบนเกาะหลีเป๊ะเลย
สำหรับราคาอาหารที่เกาะหลีเป๊ะนั้นเริ่มต้นที่ 80 บาท เช่นพวกอาหารจานเดียวผัดกระเพรา ข้าวผัด สำหรับร้านอาหารชื่อดังในถนนคนเดินก็เป็นร้านรักษ์เล และ คนเล เน้นขายพวกอาหารทะเลสดๆ อาหารทะเลบนเกาะหลีเป๊ะนั้นจะมาจากเรือประมงเล็ก จับวันต่อวัน ไม่ได้แช่แข็งบนเรือให้เสียรสชาติ ปลา กุ้ง หมึก จะตัวใหญ่กว่าที่เคยเห็น เนื่องจากว่าทะเลบริเวณนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
อาหารฝรั่งก็มีขายเป็นพิซซ่าที่อบด้วยเตาถ่าน ราคาชิ้นละ 100 บาท มีให้เลือกหลายหน้า รสชาติอร่อยใช้ได้ครับ จะนั่งทานที่ร้านหรือจะซื้อกลับไปทานที่พักก็ได้ครับ
พิซซ่าเตาถ่าน เกาะหลีเป๊ะ
ของหวานที่ขึ้นชื่อที่สุดในเกาะหลีเป๊ะจะเป็นโรตี ชาชัก สารพัดรส ดูจากรายการหน้าร้านแล้วน่าจะเป็น 100 อย่าง ร้านโรตีที่ดังที่สุดจะเป็นร้านเตอร์ปิลัง สตูล ได้รับรางวัลระดับ OTOP มาด้วย ตอนหัวค่ำรอคิวกันยาวมาก
ร้านโรตี เกาะหลีเป๊ะ
พอเริ่มมืด ฝรั่งเริ่มมากันเยอะ ถนนคนเดินที่เกาะหลีเป๊ะไม่ได้ยาวมาก เดินประมาณ 20 นาทีก็สุดถนนแล้ว เลยกลับไปพักผ่อนเอาแรงที่ห้อง
วันที่ 2 : ดำน้ำโซนใน – โซนนอก
วันนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ นั่งเรือไปสน๊อกเกิ้ล ดูปะการัง เที่ยวเกาะต่างๆ เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้าของรีสอร์ท เปิดให้ทานตั้งแต่ 7.30 น. อาหารเช้าจะมีให้เลือกอยู่ 3 ชุด เป็นพวก American breakfast ชุดนี้มีไข่ดาว 2 ฟอง ไส้กรอก ขนมปัง + แยม + เนย น้ำส้ม กาแฟ ปริมาณก็พออิ่มอยู่ครับ
เรือ One day trip นัดกับเราว่าจะมารับที่หาดซันไรส์หน้ารีสอร์ทตอน 8.30 – 9.00 น. ข้อแตกต่างของ One day trip ที่ซื้อกับเอเจนซี่ตามเวบ กับซื้อตามถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะอยู่ที่สถานที่ขึ้นเรือ ถ้าซื้อกับเอเจนซี่ตามเวบเรือจะมารับเราที่หาดหน้ารีสอร์ท ส่วนที่ตามถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ จะมีรถมารับไปขึ้นเรือที่หาดพัทยา
โปรแกรมทัวร์วันนี้ ดำน้ำโซนใน + โซนนอก
– ร่องน้ำจาบัง เกาะหินงาม เกาะหินซ้อน (หมู่เกาะดง) เกาะไม้ไผ่ เกาะรอกลอย เกาะยาง หาดทรายขาว (เกาะราวี) ราคาคนละ 750 บาท รวมค่าเช่าชูชีพ + หน้ากากสน๊อกเกิ้ล + ค่าเข้าอุทยานฯ และอาหารกลางวัน
9.00 น. เรือมารับ ชื่อเรือ Dollar ลักษณะเรือจะเป็นเรือหางยาว มีหลังคามี ที่นั่ง 6 ที่ แต่ว่ามีลูกทัวร์ 4 คน ของเรา 2 ที่และคนอื่นอีก 2 ที่ ไปกันแบบสบายๆ ถูกกว่าเหมาไปทั้งลำ มาเที่ยวในวันธรรมดามันก็ดีแบบนี้ครับ คนไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งกัน
หลังจากเรือรับเราเสร็จก็ไปรับลูกทัวร์อีก 2 คนที่หน้า Mountain resort เรือแล่นเลียบหาดซันไรส์ขึ้นไปทางทิศเหนือของเกาะ ถึงแม้ว่าเรือจะแล่นออกจากฝั่งมาหลายสิบเมตรแต่น้ำทะเลก็ยังใสอยู่มองเห็นหินและทรายที่อยู่ด้านล่าง
ก่อนจะถึง Mountain resort จะเห็นเสาคอนกรีตหลายต้น บริเวณนี้เป็นซากสะพานในอดีตที่เคยเป็นที่รับเสด็จสมเด็จย่า ในตอนที่ท่านเสด็จฯ มาพระราชทานนามสกุลให้กับชาวหลีเป๊ะ นามสกุลที่พระราชทานมีชื่อว่า “หาญทะเล” หากรู้จักใครที่นามสกุลนี้แสดงว่าเค้าเป็นลูกหลานชาวหลีเป๊ะ
Mountain resort กับแหลมทรายที่ยื่นไปในทะเล รีสอร์ทนี้อยู่บนเนินเขา ขึ้นชื่อว่าเป็นรีสอร์ทที่วิวสวยแห่งหนึ่งบนเกาะหลีเป๊ะ
ร่องน้ำจาบัง เป็นจุดแรกที่แวะดำน้ำ น้ำค่อนข้างแรงต้องอาศัยเกาะเชือก จุดนี้มีปะการังสวยงามหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อก็ปะการัง 7 สี น้ำค่อนข้างลึก ถ้าอยากได้รูปสวยๆ อาจจะให้คนเรือช่วยดำน้ำไปถ่ายรูปให้
เกาะหินงาม เป็นจุดที่สองเกาะนี้มีความมหัศจรรย์ตรงที่ไม่มีหาดทราย แต่มีหินกลมอยู่เต็มหาด หินเหล่านี้เดิมทีเป็นหินก้อนใหญ่แต่ถูกน้ำซัดจนแตกเป็นก้อนเล็กๆ และเสียดสีกันจนโค้งกลม ใช้เวลานับร้อยปีถึงจะได้หินกลม สวยงามอย่างที่เห็น บนเกาะนี้มีคำสาปจากเจ้าพ่อตะรุเตาว่า “ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานานับประการ”
*ปัจจุบันทางอุทยานฯ ได้มีการห้ามเรียงหิน เนื่องจากหินจะตกลงมาแตก
เกาะหินงาม
หินจะสวยที่สุดตอนที่เปียกโดนน้ำ จะมีสีดำสนิท เมื่อแสงแดดกระทบจะเห็นแสงสะท้อนออกมาจากก้อนหิน
จุดจ่ายเงินอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ถ้าซื้อ One day trip กับเรือหางยาว เรือจะเป็นคนจ่ายให้
หมู่เกาะดง (เกาะหินซ้อน) บริเวณนี้เป็นจุดดำน้ำที่เห็นปะการังเจ็ดสีได้เช่นเดียวกับร่องจาบัง หมู่เกาะดงมีบริวารอยู่ด้วยกัน 6 เกาะ เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นเกาะหินซ้อน เกาะนี้มีหินขนาดใหญ่อยู่ซ้อนกันซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกว่าหินเหล่านี้ไปซ้อนกันได้อย่างไร ผมสมมุติฐานว่าตอนแรกน่าจะเป็นหินก้อนเดียวกัน ต่อมาหินแตกเป็น 2 ก้อน พอโดนคลื่นซัด โดนลมเลยมีสภาพเป็นหินซ้อนอย่างที่เห็น
เกาะไม้ไผ่ เป็นเกาะที่มีน้ำใสมาก สามารถมองเห็นปะการังที่อยู่ใต้น้ำได้แม้อยู่บนเรือ ที่มาของเกาะไม้ไผ่มาจากที่กลางเกาะมีต้นไผ่ขึ้นเป็นจำนวนมาก
ยอดไม้ไผ่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่
เกาะรอกลอย (อ่านว่า รอก ลอย) เกาะขนาดเล็ก อยู่ข้างๆ เกาะดง ทรายขาว น้ำใส มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ สามารถเดินขึ้นเนินหินไปชมวิวที่ด้านบน เกาะนี้เป็นที่รับประทานอาหารกลางวันของบางทัวร์ โดยอาหารที่ทานจะเป็นข้าวกล่องแบบง่ายๆ ในกล่องพลาสติก ที่นี่จะไม่ใช้กล่องโฟมกันครับ เพื่อลดปัญหาขยะ
ชายหาดเกาะรอกลอยด้านข้างจะเป็นกองหินสามารถสน๊อกเกิ้ลดูปะการังน้ำตื้น ปลาทะเลได้
ส่วนชายหาดตรงกลางทรายขาวละเอียด น้ำใส เหมาะกับการเล่นน้ำ
ในตอนเที่ยงจะมีเรือหางยาวจอดที่บริเวณนี้มาก
มื้อเที่ยงเราจะกินข้าวกันที่เกาะราวี บนเกาะนี้มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา
เกาะราวี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานฯ ตะรุเตา ถ้าเสียค่าธรรมเนียมอุทยานฯ ที่เกาะหินงามไปแล้ว บนเกาะนี้ก็ไม่ต้องเสียอีก มุมถ่ายรูปยอดนิยมของเกาะราวีจะเป็นขอนไม้ และ ชิงช้าขอนไม้ที่ผูกไว้ตามใต้ต้นไม้ริมหาด เกาะราวีเป็นเกาะใหญ่ ทัวร์มักจะพักรับประทานอาหารกลางวันที่เกาะนี้ เนื่องจากมีที่นั่งใต้ร่มไม้ มีร้านอาหารของอุทยานฯ มีห้องน้ำ หาดทรายขาวเป็นชายหาดที่น้ำใส ทรายขาว หาดลาดสามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะนี้จะมีลิงอาศัยอยู่ด้วยลิงมักจะมาแอบกินเศษอาหารที่เหลือจากนักท่องเที่ยวที่กะลามังล้างจานหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในรูปด้านล่าง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา มีอาหารตามสั่ง ส้มตำ ไก่ย่าง เครื่องดื่มขาย ราคาไม่แพง ศูนย์บริการจะเปิดขายในช่วงที่เปิดเกาะเท่านั้น
ที่นั่งทานอาหารเกาะราวี
มื้อกลางวันเราทานผัดกระเพรา + ไข่ดาว เหมือนกันหมดทุกคน รสชาติอร่อยใช้ได้
บนเกาะราวีมีชายหาดที่สวยงามชื่อ หาดทรายขาว เป็นชายหาดที่มีทรายขาว น้ำใสสมชื่อ หาดนี้เต็มไปด้วยชิงช้าขอนไม้ผูกไว้ใต้ต้นไม้ ที่ริมหาดมีขอนไม้ ซากต้นไม้ที่ตายแล้วเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ
เราใช้เวลาที่เกาะนี้นานที่สุด พักจนหายเหนื่อย แล้วถึงไปจุดถัดไป
เกาะยาง เกาะเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างเกาะอาดัง และ เกาะราวี มีชาดหาดขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเศษปะการัง บนเกาะมีต้นยางอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวเลจะนำยางจากต้นยางไปทากันเรือรั่ว ปะการังในบริเวณนี้เป็นปะการังแข็ง สามารถพบปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลได้ที่บริเวณนี้
ใครที่ไม่ได้เล่นน้ำ ก็มานั่งเล่นที่ริมหาดได้
บริเวณรอบๆ เกาะยางมีปะการัง และฝูงปลาจำนวนมาก ส่วนมากจะเป็นปลาสลิดหินลายเสือ เหมือนที่กระบี่
จุดนี้น้ำทะเลใสมาก สวยงามไม่แพ้จุดอื่น
จุดสุดท้ายเกาะอาดัง จุดนี้พี่คนขับเรือแถมให้
เกาะอาดัง เป็นเกาะใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับหาดซันเซท เกาะหลีเป๊ะ เกาะนี้อยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯ หมู่เกาะตะรุเตา มีบ้านพักของอุทยาน และที่กางเต๊นท์ ราคาไม่แพง บนเกาะเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ บนเกาะมีจุดชมวิวที่ผาชะโดสามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะได้ทั้งเกาะ และมองได้ไกลถึงเกาะลังกาวีมาเลเซีย แต่เวลาเราไม่พอเลยไม่ได้เดินขึ้นผาชะโด ถ้าจะขึ้นผาชะโดควรมีเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครับ
หาดทรายที่เกาะอาดัง หาดทรายขาว น้ำใส แต่หาดไม่ลาดเท่าเกาะหลีเป๊ะ ที่เกาะอาดังมีปัญหาน้ำทะเลเซาะชายฝั่ง ชายหาดหายไปเยอะ ต้นสนริมทะเลล้มตาย ไม่มีทรายให้รากยึด ช่วงเย็นมีนักท่องเที่ยวไม่มาก ส่วนมากจะเป็นฝรั่ง Backpacker ที่ค้างคืนบนเกาะอาดัง
ลานกางเต๊นท์ใต้ต้นสนเกาะอาดัง
บ้านพักอุทยานฯ พักได้หลายคน ราคาถูกแบบเหลือเชื่อคืนละไม่ถึง 1,000 บาท บนเกาะอาดังจะมีไฟฟ้าใช้เวลา 6 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน แต่ส่วนมากคนจะนิยมกางเต๊นท์กัน เพราะตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างร้อน
บ้านพักเกาะอาดัง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเกาะอาดัง ติดต่อบ้านพัก เต๊นท์ ได้ที่นี่ ภาพในมีแผ่นป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ โลกใต้น้ำ สัตว์น้ำ ปะการัง และมีกระดูกปลาวาฬ สามารถเข้าชมได้ฟรี
เดินเล่นไม่นานก็ขึ้นเรือกลับหลีเป๊ะกันครับ เรือไปส่งหน้าที่พักเหมือนตอนมารับ
เย็นนี้เราหาของกินง่ายๆ ที่ถนนคนเดิน แล้วกลับห้องมาเก็บของ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ขึ้นเรือรอบ 9 โมง
วันที่ 3 : บ๊าย บาย หลีเป๊ะ
วันนี้ต้องออกจากหลีเป๊ะ ด้วยเรือรอบ 9 โมง รู้สึกว่ายังเที่ยวไม่เต็มอิ่มเลย ขนาดว่าทริปนี้มา 4 วัน ค้างบนเกาะ 2 คืน ก็ยังไม่พอครับ เอาไว้โอกาสหน้ามาใหม่อีกครั้งไปเที่ยวเกาะไข่ เกาะตะรุเตาด้วย
เราตื่นแต่เช้ามาทานข้าวที่รีสอร์ท เก็บของและ check out มีรถของรีสอร์ทมาส่งที่หาดพัทยา ขากลับจากเกาะหลีเป๊ะไปท่าเรือปากบารา จะต้องมารอขึ้นเรือหางยาวที่หาดพัทยา เค้าจะประกาศให้ขึ้นเรือเป็นรอบๆ ไป ตามบริษัทเรือ เรือหางยาวจะไปส่งยังโป๊ะกลางน้ำของเรือแต่ละเจ้า โป๊ะใคร โป๊ะมัน มีค่าเรือหางยาวคนละ 50 บาท เหตุผลที่เรือไม่สามารถจอดส่งคนที่หาดได้ เค้าให้เหตุผลว่า สมอเรือและเรือจะทำให้ปะการังเสียหาย
ซึ่งมันก็ไม่เป็นความจริงทั้งหมด ในตอนเช้าเราเห็นเรือสปีดโบ๊ดจอดอยู่ริมหาด คนขับเดินขึ้นเรือได้ แต่เมื่อถึงเวลาไปรับรับผู้โดยสารเรือกลับต้องแล่นไปจอดที่โป๊ะ เหตุผลหลักน่าจะเป็นการกระจายรายได้ให้เรือหางยาว เพราะเรือหางยาวได้ค่าไปส่งคนที่โป๊ะคนละ 50 บาท
จุดรอขึ้นเรือหางยาวไปยังโป๊ะ ที่ร้าน Snake Bar
เรือหางยาวจอดรอให้บริการไปยังโป๊ะกลางน้ำ
เรือ Speed boat Bundhaya
ลำนี้เป็น Ferry ขากลับของเรา มีการตรวจตั๋วก่อนขึ้นเรือ สัมภาระวางกองไว้ที่ด้านหน้า เดี๋ยวเค้าจะเอาขึ้นเรือให้ แต่ของมีค่าทั้งหลายควรเอาติดตัวไว้นะครับ
ภายในเรือเหมือนขามา มีที่นั่งโซนหน้าและโซนหลัง รอบนี้เลยลองนั่งโซนหลัง สรุปได้ว่านั่งสบายพอกัน ไม่เมาเรือ แอร์เย็นดี
เรือใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงท่าเรือปากบาราแล้วครับ
เดี๋ยวเราจะนั่งรถตู้ไปลงที่ตรัง พักที่ตรัง 1 คืน แล้วบินกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น ในส่วนของตรังคงไม่ได้รีวิวนะครับ เพราะไปกินๆ นอนๆ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย รีวิวเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ดำน้ำโซนใน – โซนนอก ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ
ค่าใช้จ่ายเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ตรัง 4 วัน 3 คืน ของ 2 คน
– ค่าเครื่อง Air asia กรุงเทพฯ – ตรัง ไป – กลับ 2 คน 321 บาท (โปรฯ 0 บาท)
– ค่ารถตู้ตรัง <–> ท่าเรือปากบารา 250 x 4 = 1,000 บาท
– ค่าเรือเฟอร์รี่ท่าเรือปากบารา <–> เกาะหลีเป๊ะ 450 x 4 = 1,800 บาท
– ค่าที่พักหลีเป๊ะ วาปีรีสอร์ท 2 คืน ติดหาด Sunrise 6,510 บาท
– ค่า One day trip หลีเป๊ะ โซนใน + โซนนอก 750×2 = 1,500 บาท
– ค่าที่พักตรัง โรงแรมศรีตรัง 1 คืน 740 บาท
– ค่ากิน 3,500 บาท
– อื่นๆ 629 บาท
===========================
รวม 16,000 บาท หรือเฉลี่ยคนละ 8,000 บาท
สินค้าแนะนำในทริปนี้ จัดส่งฟรีทุกรายการ |
Post Views 162260
ข้อมูลละเอียดได้ความรู้มากค่ะ
อ่านรีวิวนี้รีวิวเดียวก็ครอบคลุมหมดแล้ว
ขอบคุณนะคะ
ตอบคุณ Kris
ยินดีมากๆ ครับที่รีวิวนี้มีประโยชน์ 🙂
รีวิวไว้ครบถ้วน ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ อ่านละรู้เรื่องเที่ยวหลีเป๊ะเลย
ขอบคุณค่ะ
ปล.ทรูมีสัญญานแล้ว ดีใจมากค่ะ 55
ตอบคุณ Khwan
ใครมาเที่ยวหลีเป๊ะช่วงนี้ สบายกว่าแต่ก่อนครับ True ก็มีสัญญาณ, 7-eleven ก็มีแล้ว, ATM ก็น่าจะใช้ได้แล้ว เตรียมตังค์มาเยอะๆ ก็พอ 🙂
ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นประโยชน์มาก ^^
ขอบคุณมากสำหรับรีวิว อยากไปเที่ยวหลีเป๊ะ ด้วยตัวเอง เห็นแล้ว ทำให้พอมีลุ้นที่จะได้ไป เพราะไป 2 คน เหมือนกันค่ะ แต่อาจได้อยู่แค่ 3 วัน 2 คืน
ขอบคุณมากค่ะข้อมูลครบถ้วนตามที่ต้องการจะไปมีค นี้ค่ะ
พอจะมีเบอร์เรือ one day trip มั่ยคะ
ตอบคุณ อีฟ
ผมซื้อเป็น package ไม่มีเบอร์เรือครับ
รีวิวละเอียดยิบและเป็นประโยชน์มาก เสียดายมาอ่านช้าไป จองทุกอย่างไปหมดแล้ว
อยากได้ตั๋วฟรีด้วยคนจัง รอบนี้ทิ้งตั๋วไปกลับสี่คน ต้องจองใหม่เพราะเลื่อนวันเดินทาง ถ้าได้อ่านก่อนจะจองตั๋วกรุงเทพตรังแทน
ตอบคุณ อุ่น
ไปทางหาดใหญ่ดีแล้วครับ รอบเครื่องบินเยอะกว่า ต่อรถตู้ไปสะดวกกว่าครับ