เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ บูกิตบินตัง ไม่ง้อทัวร์

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าการบินไปเที่ยวต่างประเทศต้องใช้เงินมากกว่าเที่ยวในประเทศ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นเสมอไปแล้วครับ ตั้งแต่มีสายการบิน Low cost ทำให้เราบินไปต่างประเทศได้ถูก ยิ่งถ้าได้จองช่วงโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินหลักร้อยก็มี

ที่มาของทริปนี้เนื่องมาจากโปรโมชั่นของ Air asia เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 54 กรุงเทพฯ <–> กัวลาลัมเปอร์ ขาละ 250 บาท ไป – กลับ / คนก็เพียงคนละ 500 บาท + ภาษีสนามบินคนละ 975 บาท รวมเป็น 1,475 บาท เลยอดใจไม่ไหวต้องไปเที่ยวมาเลเซียรอบที่ 2

ไหนๆ เราก็ได้ตั๋วถูกแล้ว เราเลยอุดหนุนบริการเสริม เลือกที่นั่ง และโหลดกระเป๋าเข้าไปด้วย ค่าบริการเลือกที่นั่งขาละ 65 บาท (ที่นั่งธรรมดาไม่ใช่ Hot seat) และซื้อน้ำหนักขาไป 20 กิโลกรัม ขากลับ 25 กิโลกรัม

ไปมาเลเซียรอบนี้ไปแบบสบายๆ มีเวลา 3 วัน 2 คืน วันแรกที่ไปถึงนอนที่บูกิตบินตัง กัวลาลัมเปอร์ ส่วนวันที่สอง นั่งรถไปเที่ยวที่เมืองเก่ามะละกา ส่วนวันที่ 3 ซื้อของเล็กน้อยแล้วก็นั่งเครื่องกลับ

ก่อนบินเราก็เตรียมความพร้อมด้วยการทำ Web check in เตรียม Passport และแลกเงิน

ใช้เงินอะไรที่มาเลเซีย

เงินมาเลเซียจะเป็นเงินริงกิต หน่วยสากลคือ MYR แต่คนมาเลเซียจะเรียกย่อๆ ว่า RM อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ผมไปอยู่ที่ 1 ริงกิต / 9.99 บาท เวลาจะซื้อของก็แปลงราคาหน่วยริงกิตเป็นบาทได้ง่ายๆ ด้วยการคูณ 10 เข้าไป ก็จะกลายเป็นราคาในหน่วยบาท

ก่อนเดินทางผมไปแลกเงินที่ Supe rich หลังการบินไทย แลกมาประมาณ 12,000 บาท เรทค่อนข้างดี ถ้าใครจะไปแลกที่ธนาคารโทรไปถามก่อนนะครับว่าเค้ามีเงินริงกิตหรือเปล่า ผมลองเข้าไปถาม 3 ธนาคาร ไม่มีธนาคารไหนมีเงินมาเลเซีย ริงกิตเลย คงเป็นเพราะเงินริงกิตไม่ใช่เงินสกุลหลัก อีกเหตุผลนึงก็เพราะราคารับซื้อเงินริงกิตของธนาคารต่ำกว่าราคาขายถึง 20% ก็เลยไม่มีใครเอาเงินริงกิตไปแลกเป็นเงินบาทให้ขาดทุนเล่นๆ

ร้าน Super rich ให้แบงค์ 50 มาหมดเลย โชคดีที่ผมเก็บแบงค์ย่อย + เหรียญจากทริปก่อนไว้ เลยพอมีเศษใช้

ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วดูเที่ยวบินของเราหน่อยว่าเปิดให้ Check in หรือยัง แนะนำว่าให้มาถึงสนามบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเครื่องออกนะครับเพื่อความชัวร์

เที่ยวบินขาไปของเราคือ AK 831 เครื่องออกเวลา 9.25 น. เราไปถึงตอน 7 โมงนิดๆ ไปเข้า ROW E02 เป็นช่อง Baggage Drop สำหรับคนที่ทำ Web Check in มาแล้ว รอคิว 1 คิวเท่านั้น ส่วนแถวที่ไม่ได้ทำ Web Check in มายาวกว่าเยอะเลยครับ

ใช้เวลาในแถวไม่ถึง 10 นาที โหลดกระเป๋า + ตรวจเอกสารเรียบร้อย พนักงานให้ใบ ตม ของไทย มากรอก

ใครที่ทำ Web Check in มาแล้วแต่ไม่ได้ print ก็เอา Barcode ที่อยู่ในโทรศัพท์มา reprint ได้ที่ตู้ด้านซ้าย หรือจะทำ Web Check in กับตู้ด้านขวาก็ได้

วันนี้นกแอร์ต้องย้ายมาบินที่สุวรรณภูมิ เนื่องจากน้ำท่วมดอนเมือง ยังไงก็เอาใจช่วยให้กลับดอนเมืองได้ไวไวนะครับ

ใครที่ต้องการ wrap กระเป๋าลองเดินมาที่แถว R/S นะครับมีบริการ wrap ใบละ 120 บาท กันของถูกขโมย กันกระเป๋าแตก มีตาชั่งให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าด้วยครั้งละ 10 บาท แพงจัง

Exchange แลกเงินของธนาคาร TMB ก่อนเข้า ตม

แถว ตม วันนี้ก็ไม่ยาวมาก ต่อคิวแปปเดียวก็เข้ามาข้างในได้แล้ว

ร้าน Duty Free สินค้าปลอดภาษี ของที่ขายส่วนมากจะเป็นเหล้า บุหรี่ น้ำหอม

ร้านอาหารที่อยู่หลังจาก ตม ราคาจะแพงกว่าร้านที่อยู่ก่อนเข้า ตม เข้าร้านไหนลองสำรวจราคาก่อนนะครับ

เที่ยวบิน AK 831 ไปขึ้นเครื่องที่เกท F2 เป็นเกทแบบงวงช้างเดินขึ้นเครื่องได้เลย ไม่ใช่ Bus gate

AK 831 เป็นเที่ยวบิน Malasia Air asia กัปตัน แอร์โฮสเตส และสจ๊วตเป็นชาวมาเลเซียหมดครับ ภาษาที่ใช้สื่อสารบนเครื่องจะเป็นภาษามาเซีย และ ภาษาอังกฤษ ถ้าอยากบินกับ Thai Air asia ต้องจองเที่ยวบินที่ขึ้นต้นด้วย FD นะครับ

รอเวลาขึ้นเครื่อง ประมาณ 9 โมงเครื่องก็บินมาเทียบงวงช้าง มาปล่อยคนลงจากเที่ยวบินก่อนหน้านี้ ใช้เวลาเคลียร์เครื่อง 45 นาที แล้วก็บินต่อ จัดการเวลาได้ดีมากๆ ครับ

ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ เดินผ่านที่นั่ง Hot seat กับที่นั่งธรรมดา เลยถ่ายรูปมาเปรียบเทียบให้ดู ดูแล้วก็เหมือนกันทุกอย่าง ช่องวางเท้า (Room leg) ก็กว้างเท่ากัน แบบนี้จองที่นั่งธรรมดาดีกว่า ประหยัดกว่า

ใครที่เสียตังค์เลือกที่นั่งผมแนะนำให้เลือกแถว 7-8 นะครับ เป็นแถวที่ตรงกับหน้าต่าง มองเห็นวิวได้ชัด ไม่ติดปีกเครื่องบิน และอยู่แถวหน้าๆ ของเครื่อง จะขึ้น จะลง หรือสั่งอาหารก็จะได้เร็วกว่า

เนื่องจากว่ามื้อเช้าเราทานมากันเต็มที่แล้ว เราก็ไม่ได้สั่งอาหารบนเครื่อง นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ อ่านหนังสือที่เสียบไว้หลังเบาะบ้าง

ใครที่ต้องการสั่งอาหารบนเครื่องก็ลองหยิบเมนูมาดูได้ครับ ราคาประมาณ 90-150 บาท ผมว่าก็ไม่ได้แพงมากนะครับ พอๆ กับกินที่สนามบินเลย อิ่มบนเครื่องลงไปแล้วจะได้เที่ยวได้เลย ไม่ต้องหากินอีก

นั่งนานชักเมื่อย เลยแวะมาปลดปล่อยที่ห้องน้ำแบบเบาๆ เลยถือโอกาสถ่ายรูปในห้องน้ำมาให้ดูด้วย ห้องน้ำสะอาดดีครับ ขนาดว่ามีคนเข้าใช้ตลอด

เครื่องบินมาได้ค่อนทางแล้ว ผมชะเง้อมองหาใบ ตม ของมาเลเซียที่แอร์โฮสเตสจะต้องแจกให้บนเครื่อง ให้เรากรอกแล้วไปยื่นที่ด่าน ตม จนแล้วจนเล่าก็ไม่แจกซักทีเลยคิดว่าใบ ตม บนเครื่องคงหมด หรือไม่ก็ลืม ก็คิดว่าเดี๋ยวไปหากรอกเอาที่สนามบิน LCCT ก็ได้

ก่อนเครื่องลงแอร์โฮสเตสจะเดินมาแจกซิม Tune Talk ซิมแจกฟรีจะมีเฉพาะเที่ยวบิน AK เท่านั้นนะครับ ใครที่ต้องการซิม Tune Talk ใช้ในระหว่างที่อยู่มาเลเซียก็ขอเค้าได้ครับ ฟรี แต่ซิมที่ให้เป็นซิมเปล่า ยังใช้งานไม่ได้ต้องเติมเงินก่อน แต่ผมสั่งซื้อซิมล่วงหน้าทางเวบ Air asia เรียบร้อยแล้ว เลยไม่ได้รับซิมฟรีมา

เครื่องใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึงสนามบิน LCCT (Low Cost Carrier Terminal) เป็นสนามบินของ Air asia โดยเฉพาะ ที่สนามบิน LCCT ไม่งวงช้าง ไม่มี Bus gate ลงเครื่องปุ๊ปเดินเข้าอาคารได้เลย ง่ายๆ แต่ก็สะดวกดีครับ

เมื่อมาถึงมาเลเซียแล้วอย่าลืมปรับเวลาให้เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงด้วยนะครับ เวลาที่มาเลเซียเป็น GMT +8

พอเข้ามาในอาคารเจอป้ายติดประกาศไว้ว่า ไม่ต้องใช้ใบ ตม ให้ใช้ Passport ผ่านเข้ามาได้เลย คาดว่าทาง ตม ของมาเลเซียกำลังเปลี่ยนระบบ ยกเลิกใบ ตม พอเข้าด่าน ตม คราวนี้มีให้สแกนนิ้วด้วยเป็นนิ้วชี้ 2 ข้าง แล้วก็ปั๊มให้เข้าประเทศ อยู่ได้ 30 วัน

ใครที่มาเที่ยวมาเลเซียครั้งแรก ไม่ต้องกังวล ตม ที่มาเลเซียนะครับ ผมไม่เคยเห็นเค้าถาม หรือคุยอะไรกับใครเลย ปั๊มผ่านตลอด

พ้นจาก ตม มาแล้วก็ไปอากระเป๋า เจอกับ Tune talk shop ใครที่รับซิมฟรีมาตอนอยู่บนเครื่อง ก็มาเติมเงิน (Top up) ได้ที่ shop นี้เลยครับ มีพนักงานบริการให้ ไม่ต้องกลัวว่าจะกดเติมเงินไม่ถูก สำหรับการเติมเงินขึ้นต่ำของ Tune talk shop ที่อยู่ก่อนถึงที่รับกระเป๋า ขั้นต่ำจะอยู่ที่ 50 ริงกิต ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเยอะเกินไป สำหรับนักท่องเที่ยวที่มา 4-5 วัน

ที่ด้านนอกอาคารผู้โดยสารจะมี Tune talk shop อีกที่หนึ่ง ร้านนี้มีขึ้นต่ำ 30 ริงกิตด้วย ใครที่ต้องการเติมเงินไม่เยอะใช้บริการข้างนอกดีกว่าครับ

ข้างๆ กับ Tune talk shop มี Digi shop เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่ง ถ้าต้องการใช้อินเตอร์เนตเยอะใช้ซิมของ Digi จะดีกว่าครับ

เดินมาเรื่อยมาถึงที่รับกระเป๋า รอไม่นานกระเป๋าก็มา

ได้กระเป๋าเสร็จลากกระเป๋าออกจากอาคารผู้โดยสารไปขึ้นรถข้างนอก

ตรงนี้มีที่ขายตัวไป KL Sentral, เกนติ้ง

ก่อนจะถึงประตูทางออกมี Tourism Malaysia เลยเดินไปหยิบแผนที่มาติดตัวไว้ 2 ชุด แผนที่ทำค่อนข้างดีนะครับ มีเส้นทางรถไฟฟ้า สถานที่สำคัญต่างๆ ในกัวลาลัมเปอร์ มีแผนที่ย่อย เป็นย่านต่างๆอีกด้วย เช่นบูกิน บินตัง, Chinatown ฯลฯ

พอออกมาจากประตูทางซ้ายมือจะมีร้านรับฝากกระเป๋า ชื่อ BAGGAGE SOLUTIONS รับฝากกระเป๋าใบใหญ่, เล็ก, หรือแบบ Locker ก็มี เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มาต่อเครื่องที่ LCCT แล้วมีเวลาเหลืออยากเข้าเมืองไปเที่ยว

ร้านนี้เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง

เดินออกผ่านมาทางร้าน McDonald’s จะเห็น Tune talk shop อีกร้าน ถ้าซื้อซิมผ่านทางเวบ Air asia ก็มารับซิมได้ที่นี่ครับ อ่านจากใน pantip มาว่าซิมราคา 5 RM มีเงิน 5 RM มาให้ในซิมด้วย

ขั้นตอนการรับซิมก็เพียงยื่น Travel Itinerary ของ Air asia หน้าที่มี Invoice อยู่ด้วยยื่นให้เค้าดู (หน้า 1 และหน้า 3) พอผมยื่นให้เค้าดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้สนใจอะไรมาก หยิบซิมเปล่ามาให้ แล้วบอกว่าในซิมนี้ไม่มีเงิน ต้องเติมเงินขั้นต่ำ 30 ริงกิต ซึ่งเยอะไปสำหรับ 3 วันที่เราอยู่มาเลเซีย จริงๆ แล้วเค้าน่าจะจด Booking Number ของเราไป พร้อมกับเอาซิมที่มีเงิน 5 RM มาให้

ผมเลยไม่ยอมเติมเงิน บอกว่ามันเยอะไปเอาซิมเปล่ามาละกัน เห็นเค้าหันไปถามเพื่อน แล้วบอกกับเราใหม่ว่ามีเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต เลยเติมๆ ไปให้จบ 5 + 10 RM ก็ยังเป็นราคาที่รับได้อยู่

การใช้ซิม Tune talk โทรกลับไทยให้กด 0066 ตามด้วยเบอร์ปกตินะครับ อย่างเช่น เบอร์ผม 086 640 4025 ถ้าจะโทรเข้าเบอร์นี้ ต้องกด 0066 866404025 ส่วนค่าโทรกลับไทยก็ถูกมากครับ นาทีละ 0.14 ริงกิต (1.4 บาท / นาที) เท่านั้น

ได้ซิมแล้ว นั่งรถเข้าเมืองกันดีกว่า

รถบัสที่วิ่งจากสนามบิน LCCT เข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์จะมีอยู่ 2 เจ้า

1. Aero Bus รถสีเหลือง ราคา 8 ริงกิต 2. Sky bus ของ Air asia รถสีแดง ใหม่กว่า ถ้าซื้อตั๋วที่บนรถ ราคา 9 ริงกิต แต่ถ้าซื้อในเวบ Air asia แบบไป-กลับ คนละ 154 บาท ตกขาละประมาณ 7.7 ริงกิต ก็จะได้ราคาที่ถูกที่สุด ถูกกว่า Aero Bus

กระเป๋าใบใหญ่ให้โหลดลงใต้รถได้เลยนะครับ แล้วเดินขึ้นไปด้านบนได้เลย เป็นโชคร้ายที่เรามาถึงรถตอนที่รถคันก่อนหน้านี้เพิ่งออกไป เลยต้องรอรถออกอีกครึ่งชั่วโมง

สำหรับคนที่ซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านทางเวบ Air asia ก็ยื่น Travel Itinerary ของ Air asia หน้า 1 และหน้า 3 ให้เค้าดู บางทีเค้าก็ฉีกตั๋วให้ใหม่ บางทีเค้าก็ไม่ได้ให้ตั๋ว เอาแน่เอานอนไม่ได้

ตั๋วที่ซื้อแล้วเก็บให้ดีๆ นะครับ เมื่อรถวิ่งมาถึง KL Sentral จะมีชายเสื้อแดงเปิดประตูรถขึ้นมาให้เราลง แล้วตระโกนว่า Ticket … Ticket ใครจะลงรถก็ต้องยื่นตั๋วให้เค้าตรวจ

จาก LCCT รถใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ก็มาถึง KL Sentral จุดต่อรถ / รถไฟฟ้า จุดใหญ่ของกัวลาลัมเปอร์ รถไฟฟ้าหลายสายมาเชื่อมกันที่สถานี้นี้

รถ Sky bus และ Aero bus จะจอดที่ชั้นล่าง ถ้าต้องการต่อรถไฟฟ้า Monorail (หรือเข้าพักที่โรงแรม Hotel Sentral, My hotel @ Sentral) ให้เดินตามถนนชั้นที่รถจอดแล้วข้ามถนนอีกทีก็จะเจอกับสถานีรถไฟฟ้า Monorail

อันที่จริงผมไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นมาที่ชั้นบน เพราะผมต่อ Monorail ไปยัง Bukit Bintang แต่แฟนอยากมาดูครีมทาผิว ที่ร้าน Guardian เลยต้องว่ามาหน่อย แฟนผมบอกว่าของหลายอย่างที่ร้าน Guardian ในมาเลเซียถูกกว่าในไทย

สถานีรถไฟ KTM Komutor ใน KL Sentral

ซื้อของเสร็จก็มาขึ้น Monorail ไปยัง Bukit Bintang สถานี Monorail ไม่มีตู้จำหน่ายตั๋วต้องซื้อกับพนักงานที่ Counter ครับ

ได้ตั๋วมาแล้วไปรอขึ้นรถกัน

รถ Monorail เป็นรถไฟรางเดี่ยว 1 คันจะมี 3 โบกี้ ขบวนรถค่อนข้างสั้น เวลาเร่งด่วนคนจะขึ้นเยอะมาก

ภายใน Monorail

เราลงรถไฟฟ้าที่สถานี Imbi สถานีนี้จะอยู่ใกล้โรงแรม My Hotel @ Bukit Bintang มากที่สุด ที่สถานี Imbi มีห้าง Berjaya Times square อยู่ติดกับสถานี เป็นห้างขนาดใหญ่ มีสวนสนุกในห้างด้วย

การเดินทางไปโรงแรม My Hotel @ Bukit Bintang

ลงรถไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามห้าง Berjaya Times square สังเกตง่ายๆ ฝั่งที่มีร้านกาแฟ Starbucks และ 7-eleven

ใต้บันไดเลื่อนรถไฟฟ้าเป็นท่ารถไปสิงคโปร์ ราคา 50-70 ริงกิต รถออกเวลา 10.00, 23.00 น. ใครมีเวลาหลายวัน ไปเที่ยวสิงคโปร์ได้สบายๆ เลย

หันหลังให้ป้าย Super nice express แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ

เดินไปสุดรั้วสีน้ำเงินแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับ Cube hotel ทางขวามือ อยู่ติดถนน

เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอ 3 แยกเล็ก (รูปล่าง) ให้ข้ามถนนแล้วเดินตรงไปอีก 150 เมตร จะเจอโรงแรม My hotel @ Bukit Bintang อยู่ทางขวามือ

รวมระยะทางจากสถานี Imbi มาโรงแรมประมาณ 600 เมตร

ถึงโรงแรมแล้วครับ หน้าตาโรงแรมดูดีกว่าที่คิดไว้ ข้างๆ โรงแรมมีร้านแลกเงินด้วย ใครขาดเหลือก็ไปแลกได้ สะดวกดีครับ

ผมจองโรงแรม My hotel @ Bukit Bintang ไว้กับ agoda ห้อง Double ราคาห้อง 1,504 บาท การ check in ก็ใช้ Hotel voucher กับ passport ยื่นให้หน้า front ทางโรงแรมคิดค่ามัดจำ Key card 50 ริงกิตด้วย

Link. My hotel @ Bukit Bintang, เช็คราคาโรงแรม My hotel @ Bukit Bintang, จองโรงแรมมาเลเซีย

พนักงานที่โรงแรมยิ้มแย้ม บริการดีครับ แต่ว่า check in ให้ช้าไปหน่อย

การเข้าห้องให้แตะ Key card ที่กลอนไฟฟ้าหน้าประตู ประตูจะปลดล๊อคออก

เราได้ห้อง 803 ครับ เข้ามาดูในห้องกัน

ความกว้างของห้องอยู่ในขนาดมาตราฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็มี LCD TV, ตู้เย็น + น้ำดื่ม 2 ขวด, กาต้มน้ำ พร้อม ชา/กาแฟ, ตู้เซฟ, ผ้าเช็ดตัว

ดูในข้อมูลของ agoda บอกว่าโรงแรมนี้มาตราฐาน 2 ดาว ผมว่า น่าจะ 3 ดาวด้วยซ้ำ

ห้องดูใหม่ สะอาดดีครับ หน้าต่างหลังห้องวิวแฟลตตึกที่อยู่ข้างๆโรงแรม และ มองเห็น KL Tower

ในห้องไม่มีตู้เสื้อผ้าให้นะครับ มีแต่ไม้แขวน

มาดูในห้องน้ำบ้าง สะอาดดีครับ ห้องอาบน้ำเป็นห้องกระจกในห้องมีสบู่เหลวให้กดเอา

หลังจากจัดการเก็บของเสร็จ ก็ออกไปเที่ยวกันต่อโดยเดินย้อนไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี Imbi

ห้าง Berjaya Times square ห้างใหญ่ที่อยู่ติดกับสถานี Imbi เป็นห้างที่ใกล้กับโรงแรมมากที่สุด

เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวที่ KLCC ชมตึกแฝดปิโตรนาสกันครับ จากสถานี Imbi นั่ง Monorail ไปลงสถานี Bukit Nanas แล้วเดินไปขึ้น Rapid KL สายสีแดง ที่สถานี Dang Wangi ไปลงที่สถานี Ampang Park

รถไฟฟ้าสาย Rapid KL จะมีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ส่วนสาย Monorail ต้องซื้อกับคนเท่านั้น ค่ารถไฟฟ้าที่มาเลเซียค่อนข้างถูกครับ ไป 3-4 สถานีประมาณ 1.6 ริงกิตเอง (ประมาณ 16 บาท) แต่การเชื่อมต่อสถานีของแต่ละสาย (Interchange) ยังไม่ดีเท่าสิงคโปร์ และ ฮ่องกงที่เดินไปเปลี่ยนสายได้เลย ไม่ต้องออกจากสายเก่า

ระหว่างทางไปสถานี Dang Wangi ฟ้ามืดมาก เหมือนฝนจะตก เป็นปกติของประเทศมาเลเซียครับ ที่ฝนตกชุก แต่ทำไมต้องมาตกตอนที่กำลังจะไปถ่ายรูปตึกแฝดด้วย เศร้าเลย

สถานีรถไฟฟ้า Dang Wangi

ที่ตั้งของตึกแฝด Petronas อยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า KLCC หรือ Ampang Park

ทันทีที่ออกจากสถานีก็เจอฝนตกกระหน่ำลงมา อุตส่าห์เอาขาตั้งกล้องมาด้วยกะว่าจะถ่ายภาพ ตึกแฝดสวยๆ กับแสงยามเย็นซะหน่อย ไหนๆ มาทั้งทีแล้วฝนตกก็ห้ามไม่อยู่ ใส่เสื้อกันฝนแล้วเดินไปถ่ายรูป

ฝนตกก็ดีอย่างคนหายไปหมดเลย แต่ฟ้าเน่ามาก ขาตั้งก็ใช้ไม่ได้ ไม่ได้เอาร่มมา เลยยืนถ่ายเอาเลย ดัน ISO สูงๆ ยอมให้กล้องและเลนส์เปียกฝน เลยได้ภาพตึกแฝดมาครับ

แนวตั้งแล้ว แนวนอนอีกภาพละกัน เกือบเก็บยอดตึกแฝดไม่หมด ดีที่ว่าเป็นเลนส์ wide หมุนไปด้าน wide สุด 10 mm

เลนส์ที่ใช้เป็น Sigma 10-20 mm F5.6 เลนส์ตัวนี้สีสดดีครับ ถ่ายวิวแล้วสวยดี

ยืนถ่ายได้ซักพักก็ต้องยอมแพ้ฝน เข้าไปหลบในห้าง Suria KLCC ที่ติดอยู่กับตึกแฝด ที่ประตูห้างเขียนไว้ว่าห้ามถ่ายรูป อยู่ 2 ชั้น ไม่รู้ว่า 2 ชั้นนี้พิเศษยังไง ก็เลยไม่ถ่ายในห้างเลยดีกว่า เดินเล่นดูของ Brandname ในห้าง ราคาก็พอๆ กับในไทย เดินจนหิวข้าวก็ขึ้นไปกิน Food court ที่ชั้นบน

ราคาอาหารจานเดียวในกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 5.0 – 10.0 ริงกิต น้ำเปล่าขวดละ 1.5 ริงกิต ค่าครองชีพเค้าแพงกว่าบ้านเรานิดนึงครับ แต่น้ำมันเค้าถูกกว่าเราเยอะเลย

ผมเจอร้านอาหารไทยชื่อร้าน Thai Cuisine เลยลองชิมอาหารไทยที่มาเลเซียหน่อย เห็นคนรับออร์เดอร์หน้าคล้ายคนไทย เลยถามเป็นภาษาไทย จึงได้รู้ว่าไม่ใช่คนไทย ราคาอาหารไทยค่อนข้างแพงนิดนึง อย่างผัดเปรี้ยวหวาน + ข้าวเปล่า 1 จาน ราคา 9 ริงกิต (90 บาท)

ส่วนจานนี้ในป้ายบอกว่าเป็นผัดกระเพรา + ไข่ดาว แต่พอกินแล้ว กลายเป็นผัดโหระพา + ไข่ดาว เผ็ดใช้ได้ ราคาจานละ 9 ริงกิตเหมือนกัน

ทานข้าวเสร็จ รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทาง เลยกลับโรงแรมดีกว่า

ระหว่างทางกลับที่สถานี Bukit Nanas มองเห็นตึกแฝดได้จากสะพานลอย ไฟสวยดีครับ เลยถ่ายมารูปนึง

ถึงห้องแล้ว มาเปิดถุงดูดีกว่า ชอปปิ้งแบบเบาๆ ได้ของมาไม่กี่อย่าง

– น้ำหอม Adidas GAME Spirit 50 ml ที่ร้าน Watson ราคา 22.02 ริงกิต (220 บาท) ถูกดี แต่พอลองเอามาฉีดแล้ว รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

– Eucerin derma PURIF ราคา 32.31 ริงกิต (323 บาท)

มานอนถึงบูกิต บินตังแล้ว จะไม่พูดถึงบูกิต บินตังบ้างก็กระไร ขอเล่าคร่าวๆ ตามที่ได้ไป และได้อ่านจากคนที่เคยไปนะครับ

บูกิต บินตัง (Bukit Bintang)

เป็นย่านที่มีห้างอยู่เยอะ คล้ายๆ สยามบ้านเรา เป็นศูนย์รวมห้าง แหล่งชอปปิ้ง สินค้าแบรนเนม ที่ใหญ่ที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวที่ย่านนี้จะเยอะกว่าย่านอื่น โรงแรมก็มีเยอะครับ ตั้งแต่โรงแรมห้องแถว คืนละไม่ถึงพันบาท ไปจนถึงโรงแรม 5 ดาว

ห้างใหญ่ใกล้สถานี Monorail Imbi

– Berjaya Times Square

– Imbi Plaza

ห้างใหญ่ใกล้สถานี Monorail Bukit Bintang

– Lot 10

– ISETON

– BB Plaza

– Sungei Wang Plaza

– Fahrenheit88

– Starhill Gallery

– Pavilion

ห้าง Pavilion

แยกนี้อยู่ตรงทางลงสถานีรถไฟฟ้า Bukit Bintang ข้ามถนนไปทางขวาจะเจอกับห้าง Pavilion

ห้าง Sungei Wang Plaza

H&M สาขาบูกิตบินตัง

Vincci ร้านรองเท้า กระเป๋าแบรนด์มาเลเซีย

Sephora

การเดินทางมาบูกิต บินตัง

สะดวกสุดก็จะเป็น Monorail โดยสายนี้เริ่มต้นที่ KL Sentral วิ่งมา 4 สถานี ก็จะเจอกับสถานี Imbi มีห้าง Berjaya Times square และสามารถ เดินไปได้ถึงใจกลาง บูกิต บินตัง หรือจะลงที่สถานีที่ 5 บูกิต บินตัง เลยก็ได้

หนึ่งคืนที่กัวลาลัมเปอร์ผ่านไป เมื่อคืนนอนสบายมากครับ วันนี้เราตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำ เก็บของ แล้วไปทานข้าว เตรียมตัวไปเที่ยวที่มะละกากันต่อ

ผมอ่านเจอใจเนตว่า หลังโรงแรม มีร้านอาหาร ขายบัก กุต เต๋ (ต้มกระดูกหมู) ด้วย เลยคิดว่าจะไปกินข้าวเช้าที่นี่

การเดินทางมาร้านนี้ก็ง่ายมากครับ ออกจากโรงแรมแล้วเลี้ยวขวาไปทางแฟลตด้านหลังโรงแรม ชื่อร้าน Blue boy เราไปยืนเอ๋อ อยู่หน้าร้านเนื่องจากไม่ทราบว่าร้านเปิดแล้วหรือยัง

หลังจากนั้นก็มีพนักงานมาบอกว่ามีบักกุตเต๋ มีโน่น มีนี่ ขายหลายอย่าง เราเลยสั่งบักกุตเต๋ มา 2 ชุด

มาแล้วครับ บักกุตเต๋ เสริฟพร้อมข้าว ดูหน้าตาแปลกๆ ไม่มีกระดูกหมูเลย เลยมองไปรอบๆ ร้าน เลยรู้ว่าเป็นร้านอาหารเจ รสชาติก็พอทานได้นะครับ แต่ถ้าเลือกได้ขอเป็นกระดูกหมูแท้ๆ ดีกว่า

กินเสร็จ เช็คบิล หมดไป 12 ริงกิต ราคาไม่แพง

หลังจากนั้นก็เข้าโรงแรม check out ได้มัดจำคืนมา 50 ริงกิต เวลา check out นี่เค้าไม่ดูอะไรเลย เอา Key card คืน ก็คืนมัดจำให้เลย ไวดีครับ

เดี๋ยววันที่ 2 ผมจะพาไปเที่ยวที่เมืองมะละกานะครับ ต้องนั่งรถจากกัวลาลัมเปอร์ไปอีก 2 ชั่วโมงกว่า ขอตัดมะละกาไปเป็นตอนหน้านะครับ

อ่านตอนต่อไป –> เที่ยวมะละกา มาเลเซีย ไปเองได้ไม่ง้อทัวร์

เที่ยวต่างประเทศ ไม่ง้อทัวร์

เซินเจิ้น ฮ่องกง 1 ฮ่องกง 2 มาเก๊า
มาเลเซีย มะละกา ชอปปิ้งในมาเลเซีย Genting (เกนติ้ง)
สิงคโปร์ 1 USS & Sentosa สิงคโปร์ 2 บาหลี

Post Views 43650

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

17 thoughts on “เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ บูกิตบินตัง ไม่ง้อทัวร์

  • July 6, 2012 at 8:09 pm
    Permalink

    ข้อมูลดีมากๆค่ะ

    อ่านจากแอดมินที่เดียว ไม่ต้องไปเซิตหาอ่านจากที่อื่นเลยค่ะ

    ขอบคุณค่ะกับข้อมูลดีดี

  • July 6, 2012 at 8:12 pm
    Permalink

    ตอบคุณ nalinda

    ขอบคุณนะคร้าบ สำหรับคำชม 🙂

  • July 15, 2013 at 4:42 pm
    Permalink

    ขอบคุณ admin มากคะ ข้อมูลระเอียดและมีประโยชน์มากๆ ชอบคะ ^^

  • October 7, 2013 at 10:47 pm
    Permalink

    ขอบคุณด้วยค่ะ ที่เอาข้อมูลมาแชร์ ได้ความรู้เกี่ยวกับท่องเที่ยว KL มากเลยค่ะ สำหรับคนๆนึงที่ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง ที่ไหน ตอนนี้ได้จองตั๋วล่วงหน้าไปแล้วค่ะ เดี๋ยวอ่านข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวจากเพจนี้แหละค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^^

  • October 7, 2013 at 10:48 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Khanompup

    ยินดีมากๆ เลยครับ มาเลเซียเที่ยวง่าย รถไฟฟ้าใน KL สะดวกและครอบคลุมดีครับ ไม่แพงด้วย

  • May 18, 2014 at 4:13 am
    Permalink

    ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยว kl มาก ๆ เลยนะคะ
    กำหนดว่าจะไป kl เป็นครั้งแรกวันที่ 30 พ.ค.นี้ค่ะ (เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกด้วย)
    นั่งเครื่องจากหาดใหญ่ไปคนเดียวด้วย ภาษาก็ไม่ค่อยแข็งแรง
    มีเพื่อนรออยู่ที่โน้น จะไปกับแอร์เอเชีย (แต่ยังไม่จองตั๋วเลย ไว้อาทิตย์หน้าจะจองค่ะ)
    ต้องไปลงเครื่องที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ หรือสนามบิน LCCT ที่แอดมินบอกเนี่ยที่เดียวกันป่าวคะ

  • May 18, 2014 at 9:11 am
    Permalink

    ตอบคุณ maew

    ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2557 เที่ยวบนที่ลงกัวลาลัมเปอร์ Air asia จะบินลงที่สนามบิน KLIA2 (จากเดิม LCCT)ถ้าจะเข้าเมืองก็นั่งรถไฟ KLIA Ekpress (สถานี KLIA2) ได้เลยครับ สะดวกกว่าสนามบินเก่าเสียอีก

    เรื่องภาษาแนะนำให้ซื้อหนังสือบทสนทนาในชีวิตประจำวันมาศึกษาครับ เวลาสั่งอาหารก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปให้เค้าดู ชี้ๆ เอา มี dictionary ในโทรศัพท์ เท่านี้ก็เที่ยวได้สบายๆ แล้วครับ

  • May 18, 2014 at 11:21 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคำแนะนำ

    อยากทราบด้วยว่ามอนตาริโกเนี่ยคือเมืองใน kl ด้วยปรือเปล่าคะ

    หากมีข้อสงสัยอะไร จะรบกวนมาปรึกษาอีกนะคะ

  • May 19, 2014 at 10:01 am
    Permalink

    ตอบคุณ maew

    “มอนตาริโก” ชื่อนี้ผมไม่เคยได้ยินเลย มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษไหมครับ

  • May 19, 2014 at 11:35 pm
    Permalink

    เขียนไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
    มีเมืองที่ชื่อใกล้เคียงกับมอนตาริโกหรือปล่าวคะ

  • May 19, 2014 at 11:43 pm
    Permalink

    การแลกเงิน ควรแลกเงินย่อยอย่างไรดีคะ
    แล้วควรไปแลกที่ไหนดีคะ

  • May 20, 2014 at 12:38 am
    Permalink

    ได้ชื่อภาษาอังกฤษมาแล้วค่ะ
    Montari court near sunway lagoon ค่ะ

  • May 20, 2014 at 9:41 am
    Permalink

    ตอบคุณ maew

    เงินริงกิตแนะนำให้แลกที่ Superrich ครับ อย่าไปแลกที่ธนาคารหรือสนามบินอัตราแลกเปลี่ยนแย่มาก ส่วน Sunway lagoon นี่อยู่ใน KL เลยครับ search ดูใน google map ก็เจอครับ แต่น่าจะเป็น Mentari court มากกว่า

  • May 20, 2014 at 12:27 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากค่ะ ^_^

  • June 23, 2014 at 1:22 am
    Permalink

    อยากทราบว่าถ้าเราจองโรงแรมกะอโกด้าเราจะมั่นใจได้ไงอ่ะคะ ว่าเราจะหาโรงแรมเจออ่ะค่ะ กลัวหาโรงแรมไม่เจออ่ะค่ะ

  • July 1, 2014 at 7:27 pm
    Permalink

    ตอบคุณ liew

    ดูแผนที่โรงแรมครับ ศึกษาว่าจะต้องเดินทางไปโรงแรมยังไง google street ก็ช่วยได้ บางโรงแรมก็มีคนมารีวิวให้ดูด้วย

  • November 11, 2014 at 2:06 pm
    Permalink

    Admin ผมขอปรึกษาหน่อยถ้าผมจอง รร ผ่านทางเว็บ agoda มันต้องถือบัตรเครติดอย่างเดียวใช่ป่าวครับ หรือมีวิธีไหนบ้าง แล้วทางเว็บ agoda รร ก้อจะตัดวงเงินของเราไปเลยใช่ป่าวครับ เพราะดูราคามันเป็นสกุลไทย เลยไม่แน่ใจว่ารวมแล้วราคาเป็น ฿ นี้เลยหรือป่าว ถ้าจองสำเร็จมันต้องมีค่ามัดจำอะไรหรือป่าวของทาง รร เวลาเข้าพักถึง รร (ผมไม่เคยจองผ่านเว็บ) เลยไม่แน่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะไปเอาดาบหน้าหา รร ที่พักเอาเองแล้วจ่ายเงินของประเทศที่จะไปเที่ยว แบบไหนชัวร์ๆกว่ากันครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *