เที่ยวเมืองเซนได Sendai ใน 1 วัน ด้วย Loople Bus
วันนี้เป็นวันที่ 7 แล้วของทริป Tohoku ส่วนพรุ่งนี้ก็จะต้องเดินทางกลับ ดังนั้นวันนี้จึงขอเที่ยวเบาๆ ในเมือง Sendai ไปหาซื้อของฝาก ของใช้กลับไทยกัน
โปรแกรมเที่ยววันนี้
- ตลาดเช้า Asaichi ฝั่งตะวันตกสถานี Sendai
- Zuihoden Mausoleum สุสานไดเมียว
- Site of Sendai Castle (Aoba Castle) อนุเสาวรีย์ไดเมียว จุดชมวิว
- Osaki Hachimangu Shrine
- Jozenji-dori Ave. ถนนโจเซ็นจิ ถนนสุดสวยของเมืองเซนได
ตลาดเช้า Asaichi เป็นตลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานี Sendai ฝั่งทิศตะวันตกข้ามฝั่งมาก็เจอเลย
เวลาเปิด. จันทร์-เสาร์ 8.00-18.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ถึงแม้ว่าตลาดจะเปิดถึงเย็น แต่เวลาที่ดีที่สุดในการมาตลาดจะเป็นช่วงเช้า ของจะมีขายเยอะกว่า น่าเดิน ของที่ขายก็มีของสดเน้นไปที่อาหารทะเล ปลาชนิดต่างๆ ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล
ราคาของสดไม่แพง ถ้าพัก Air bnb ที่มีครัวน่าซื้อไปทำเป็นกับข้าวมาก วัตถุดิบดีทำอะไรก็อร่อย
ผักก็มีหลายชนิด หัวใหญ่ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบในญี่ปุ่นคือความสะอาด ถึงแม้ว่าจะเป็นตลาดสดแต่ก็ดูสะอาด ไม่มีน้ำหก ไม่มีขยะสกปรกเลย
สิ่งที่น่าซื้อสำหรับนักท่องเที่ยวก็จะเป็นผลไม้ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถทานได้เลย
ผลไม้น่าซื้อในเซนไดจะเป็นแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ และ องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) เน้นเป็นพิเศษที่แอปเปิ้ลเพราะภูมิภาคนี้เป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ล มีปลูกมากที่เมือง Aomori และ Hirosaki
ลูกพลับที่นี่เป็นผลไม้ราคาถูก ต้นพลับมีปลูกทั่วไปตามข้างทาง บางต้นก็มีลูกสุกคาต้น และปล่อยให้ร่วงลงดิน ราวกับว่ามันไม่ค่อยมีค่า
สตอเบอร์รี่ต้นเดือนพฤศจิกายนก็จะแพงหน่อย แพ๊คละ 1,000 เยน ถ้าเป็นช่วงเดือนเมษายน เคยซื้อได้ในราคา 350 เยน จุดเด่นของสตอเบอร์รี่ญี่ปุ่นจะมีความหอม หวาน
เที่ยวรอบ Sendai ด้วย Loople Bus
การเที่ยวรอบเมืองเซนได วิธีที่ดีที่สุดคือนั่งรถบัสสายวนรอบเมืองที่มีชื่อว่า Loople Bus รถจะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ มีป้ายหยุดรถ 16 ป้าย หน้าตารถจะดูย้อนยุค คล้าย Retrobus Kawaguchiko ดูสวยงาม น่านั่ง ทำมาเพื่อใช้ในการท่องเที่ยว
ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟในเซนได ยังไม่ครอบคลุมเหมือนรถบัส สถานที่ส่วนมากรถไฟไปไม่ถึง
ค่าโดยสาร Loople Bus Sendai
- เดินทางครั้งละ 260 เยน
- ตั๋ววัน 630 เยน / เด็ก 320 เยน
- ตั๋ววัน Loople Bus + Subway 920 เยน / เด็ก 460 เยน
ผู้ที่เดินทางมากกว่า 3 ครั้ง ซื้อตั๋ววันดูจะคุ้มที่สุด
จุดขึ้นรถ Loople Bus และ ที่จำหน่าย One-day Pass for Loople Sendai
ขึ้นที่สถานี Sendai ฝั่ง West Exit มีทางเดินคล้ายสะพานลอย เดินลงที่ป้ายหยุดรถหมายเลข 16 ซื้อ One-day Pass และขึ้นรถได้ที่นี่
วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นสูงวัยมาเที่ยวกันเยอะมาก
ซื้อพาสเสร็จจะได้แผนที่เส้นทางเดินรถ ป้ายหยุดรถที่น่าสนใจ
สำหรับป้ายหยุดรถที่เราจะแวะมีดังนี้
- ป้าย 4 Zuihoden Mausoleum สุสานไดเมียว ขุนนางที่ปกครองเซนได
- ป้าย 6 Site of Sendai Castle (Aoba Castle) อนุเสาวรีย์ไดเมียว
- ป้าย 12 Osaki Hachimangu Shrine
- ป้าย 15 Jozenji-dori Ave. ถนนโจเซ็นจิ ถนนสุดสวยของเมืองเซ็นได
Loople Bus เที่ยวแรกออกจากสถานี Sendai 9.00 น. และ รถเที่ยวสุดท้ายจะกลับมาถึงสถานี Sendai 17.10 น. ใช้เวลาประมาณ 70 นาที / รอบ รถออกทุกๆ 15-20 นาที
วิธีการขึ้น Loople Bus
- ขึ้นประตูหลัง
- หาที่นั่ง / ยืน
- ก่อนลงกดกริ่ง ถ้ารถยังไม่หยุดอย่าลุกจากที่นั่ง
- ลงประตูหน้า (ข้างคนขับ) ยื่นพาสให้คนขับดู ฝั่งที่ระบุวันที่ / ถ้าจ่ายเป็นครั้งก็แตะ IC Card หรือ หยอดเหรียญ
ถ้าเป็นช่วงท่องเที่ยว ทำใจไว้เลยว่าคนจะแน่นแบบในภาพ รถข้างนอกสวย แต่ข้างในปลากระป๋องเลย
ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Sendai ประมาณ 17 นาที เราก็มาถึง ป้าย 4 Zuihoden Mausoleum ป้ายนี้คนลงเยอะเป็นพิเศษ
Zuihoden (瑞鳳殿 ซุยโฮเดน) เป็นสถานที่สำคัญในเซนได เป็นสุสานของ Date Masamune ขุนนางศักดินา ที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยเอโดะ ค.ศ. 1603-1868 Masamune ปกครองเซนไดจากปราสาท Aoba ส่วนลูกชาย (Date Tadamune) และหลายชาย (Date Tsunamune) ถูกฝังไว้ในสุสานใกล้เคียง
Zuihoden ได้ถูกออกแบบให้ดูหรูหรา เป็นงานไม้ที่มีรายละเอียดสูง และมีสีสดใส ส่วนสุสานของส่วนลูกชาย (Date Tadamune) และหลายชาย (Date Tsunamune) ก็มีลักษณะในแบบเดียวกัน ตัวสุสานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ
ต้นสนซีดาร์ขนาดใหญ่ข้างทางเดิน และ ในพื้นที่รอบๆ มีความหมายถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของตระกูล Date
ทางเข้าไปยัง Zuihoden ร่มรื่นด้วยต้นสนซีดาร์
ประตูไม้ทางเข้า
บริเวณนี้ยังเข้าชมได้ฟรี Zuihoden จะอยู่ข้างในต้องเดินผ่านบันไดหลายขั้น
ค่าเข้า. คนละ 570 เยน
จ่ายค่าเข้าแล้วจะได้แผ่นพับข้อมูล
ถ้าใครเคยไป Nikko จะรู้สึกว่า Zuihoden กับศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) นั้นมีความคล้ายกันมาก ในแง่ศิลปะ และ สถาปัตยกรรม เนื่องจากว่าทั้งสองที่นั้นสร้างในยุคสมัยเดียวกัน และ Date Masamune ก็เป็นไดเมียวคนสำคัญของ โชกุน Tokugawa Ieyasu ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ทั้งคู่
ที่ล้างมือ มังกรพ่นน้ำ
สุสานของ Date Masamune จะมีความสวยงาม ใหญ่กว่าของคนอื่น สมกับฐานะเคยเป็นผู้ปกครองเมืองเซนได
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมรอบๆ ได้ โดยจะมีรั้วเล็กกั้นในพื้นที่หวงห้าม
รูปด้านล่างสุสานของ Date Tadamune ผู้ปกครองเมืองเซนไดคนที่ 2
สุสานที่เห็นนี้สร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1985 แทนของเดิมที่เสียหายจากการโจมตี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ค.ศ. 1945
หินแกะสลัก Itabi (รูปล่าง) เป็นเหมือนอนุสาวรีย์อย่างหนึ่งในพุทธศาสนา สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้ล่วงลับ
สุสานของผู้เสียชีวิตในวัยเด็กของตระกูลผู้ปกครองเซนได
เราใช้เวลาที่ Zuihoden ประมาณ 70 นาที จากนั้นก็กลับไปยังป้ายหยุดรถไปยังสถานที่ถัดไป
ป้ายหยุดรถ Loople Bus มาถึงแล้วก็ยืนต่อแถว
ป้าย 6 Site of Sendai Castle (Aoba Castle) อนุเสาวรีย์ไดเมียว
ป้ายนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา Aoba (อาโอบะ) เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเซนได หรือ ปราสาทอาโอบะ โดยปราสาทถูกสร้างเมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดย Date Masamune ผู้ปกครองเมืองเซนไดคนแรก (คนเดียวกับสุสานที่ไปก่อนหน้านี้) ปัจจุบันตัวปราสาทไม่เหลืออยู่ให้เห็นแล้ว เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว และ ไฟไหม้อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1616, 1648, 1668 และ 1710
สองสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่ ประตูทางเข้า Omotemon และ หอคอย Wakiyagura ก็ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945
ปัจจุบันเหลือเพียงฐานของปราสาทเท่านั้น กับรูปปั้นของ Date Masamune บนหลังม้า
จากป้ายหยุดรถ เดินขึ้นไปยังเขา Aoba
ฐานปราสาทที่ยังหลงเหลืออยู่ หากอยากชมรูปปราสาทเก่าก็มีแบบจำลองให้ชมในห้องพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ด้านข้าง
จุดนี้มองเห็นวิวเมืองเซนไดได้ชัด มองเห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
ตึกจำนวนมาก บ่งบอกถึงความเป็นเมืองใหญ่ของเซนได
มองเห็นวิวได้มากกว่า 180 องศา
รูปปั้นของ Date Masamune บนหลังม้า ตัวรูปปั้นทำจากโลหะผสมของทองแดง รูปปั้นดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1935 เนื่องในโอกาสครบรอบการเสียชีวิตของ Date Masamune ครบ 300 ปี ต่อมารูปปั้นได้ถูกหลอมเอาเนื้อโลหะไปใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้สร้างใหม่ที่เห็นในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1964
ตัวรูปปั้นและฐานมีความสวยงาม หน้าของรูปปั้นหันหน้าไปทางเมืองเซนได หรือ สถานีเซนได
ศาลเจ้าข้างฐานปราสาทเซนได เหมือนว่าสร้างใหม่ไม่นาน
ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ฐานปราสาท
รูปภาพในอดีต แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 กับความเสียหายที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้
เราใช้เวลาที่อดีตที่ตั้งปราสาทเซนไดประมาณ 30 นาที จากนั้นก็รอรถบัสไปยังจุดถัดไป
ป้าย 12 Osaki Hachimangu Shrine
ศาลเจ้าโอซากิ ฮาจิมังกุ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1607 โดย Date Masamune เป็นศาลเจ้าที่คนเซนไดให้ความเคารพ และ นับถือ มีความเชื่อว่าเป็นบ้านของเทพเจ้าที่ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย นำชัยชนะมาให้ และสำหรับคนที่ท้องช่วยให้มั่นใจว่าการคลอดเด็กจะปลอดภัย
ภายในศาลเจ้ามีต้นสนซีดาร์ สื่อถึงประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของตระกูลดาเตะ (DATE) ที่ปกครองเมืองเซนไดมาถึง 400 ปี ตระกูลดาเตะเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในญี่ปุ่นมาก ได้ปกครองเมืองต่างๆ มีหัวหน้าตระกูลถึง 34 คน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1129 – 1959
ต้วศาลเจ้ามีโครงสร้างที่ซับซ้อน ที่เรียกว่า gongen-zukuri (権現造) เป็นโครงสร้างของศาลเจ้าชินโต ที่โถงบูชาด้านหน้า (haiden) และ วิหารหลัก (honden) เชื่อมต่อกันด้วยห้อง ishinoma ในหลังคาเดียวกัน
ในวันสำคัญต่างๆ ชาวเซนไดจะมีร่วมพิธีที่ศาลเจ้า เช่นวันปีใหม่ และวันที่สำคัญที่สุด เป็นวัน Dontosai วันที่ 14 มกราคม สิ่งที่ใช้ตกแต่งในวันปีใหม่จะถูกเผาไฟ มีการอธิษฐานขอพรเพื่อสุขภาพ และความสงบสุข ในวันนี้จะมีคนมาร่วมงานถึง 100,000 คน
ทางเข้าศาลเจ้าโอซากิ ฮาจิมังกุ จะมีเสาโทริอิขนาดใหญ่
การเข้าชมศาลเจ้า ไม่เสียค่าเข้าชม
สิ่งก่อสร้างในศาลเจ้าดูมีอายุ
แผ่นป้ายขอพร
มุมถ่ายรูปของศาลเจ้าที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายมุมนี้ โทนสีดำทอง
เหล้าสาเกที่ใช้บูชาเทพเจ้า
ตัวอาคารน่าจะมีการบูรณะมาไม่นาน สียังสวยสด
เราใช้เวลาในศาลเจ้าประมาณ 25 นาที มีข้อคิดจากการชม 3 สถานที่ที่ผ่านมา ตระกูลตาเตะ (DATE) เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลต่อชาวเซนไดมาก ตั้งแต่ยุคสร้างเมืองจนถึงปัจจุบันเลย ปัจจุบันก็ยังเคารพในรูปแบบเทพเจ้าที่เชื่อว่าคุ้มครองเมืองเซนได ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
วันนี้เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มาเยอะแล้ว ที่เหลือขอชมเมืองดีกว่า
ป้าย 15 Jozenji-dori Ave. ถนนโจเซ็นจิ ถนนสวยของเมืองเซ็นได
ว่ากันว่าประเทศที่เจริญแล้ว มักจะมีสวนสาธารณะจำนวนมาก มีต้นไม้ใหญ่ เมืองร่มรื่น ทางเท้าคนเดินกว้าง วันนี้เราจะไปที่ถนนโจเซ็นจิ ถนนที่มีความสวยงามและร่มรื่นมาก
ถนน Jozenji-dori เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งต้นไม้ โดยมีต้นเซลโคว่า (zelkova) เรียงรายยาว 700 เมตร มีเกาะกลางถนนที่ใหญ่และร่มรื่นเป็นสวนสาธารณะแบบย่อมๆ มีม้านั่งให้นั่งพัก มีผลงานประติมากรรมของ Emilio Greco (ประติมากรชาวอิตาลี) ที่มีผลงานในระดับโลก
ที่ถนนเส้นนี้ยังเป็นที่จัดงาน Jozenji Streetjazz Festival และงานประดับไฟในฤดูหนาว ถ้ามาในช่วงที่ไม่ได้มีงานอะไรก็มานั่งเล่น นั่งพัก และเดินช้อปปิ้งได้ โซนนี้มีร้านค้าหลายร้าน และ เป็นหนึ่งในย่านช้อปปิ้งของเซนได
การเดินไปยังสวนเกาะกลางถนน ให้ใช้ทางม้าลาย รอสัญญาณคนข้าม
อุโมงค์ต้นไม้ อากาศดี
ผลงานประติมากรรมกลางแจ้ง
ที่ต้นไม้จะมีลำโพงติดตั้งไว้อยู่ในโอกาสจัดงานต่างๆ ใช้ลำโพง BOSE ของดีด้วย
ถนนสายช้อปปิ้ง VLANDOME
จากถนน Jozenji-dori เราเดินต่อไปยังถนนสายช้อปปิ้ง VLANDOME เป็นถนนคนเดินที่ไม่มีรถวิ่งผ่าน มีร้านอาหาร ร้านค้าตลอดทาง ถ้าเดินจนเมื่อยก็มีที่นั่งพักใต้ต้นไม้ ความยาวของถนนประมาณ 1 กิโลเมตร
ร้านข้าวหน้าเนื้อ SUKIYA ร้านข้าวราคาประหยัด คล้ายๆ Yoshinoya
ร้านเครื่องสำอางก็มีหลายร้าน
มีที่นั่งให้พักขาตลอดทาง
Disney store สาขา Sendai Toei Plaza
ยิ่งใกล้สถานี Sendai ยิ่งมีร้านค้าเยอะขึ้น สินค้าแบรนด์ดังๆ
ร้าน COACH
Louis Vuitton
HERMES
3 COINS ร้าน 300 เยน เจอร้านนี้ที่ไหน ชอบเดินเข้าไปดู สินค้าน่าใช้ ราคาเบาๆ
ซื้อของฝาก ก่อนกลับโรงแรม ถุงนี้เป็น TAX Free ตามข้อกำหนดห้ามใช้ในญี่ปุ่น
พรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับไทยแล้ว ในรีวิวถัดไปจะพาไปดู DutyFree สนามบินเซนได มีอะไรน่าซื้อบ้าง และการเดินทางกลับไทยด้วยสายการบินไทย ในชั้นประหยัด จะสะดวกสบายไหม รอชมกันต่อครับ
อ่านตอนถัดไป ปิดทริป Tohoku เดินทางกลับไทย เซนได-กรุงเทพฯ TG 627
- รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ภูมิภาค Tohoku – พิพิธภัณฑ์โคมไฟ Nebuta Aomori
- เที่ยวทะเลสาบโทวาดะ ลำธารโออิราเสะ (Lake Towada – Oirase) ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
- ชมใบไม้เปลี่ยนสี Nakano Momiji Yama ปราสาท Hirosaki
- เที่ยวตลาดปลา Auga – Furukawa นั่ง Shinkansen เที่ยวในเมือง Morioka
- เที่ยววัด Yamadera วัดงามบนภูเขา ชมปราสาท Yamagata
- ชมวิวชั้น 31 ตึก AER จุดชมวิวฟรี ใกล้สถานี Sendai
- เที่ยวเมืองเซนได Sendai ใน 1 วัน ด้วย Loople Bus
- ปิดทริป Tohoku เดินทางกลับไทย เซนได-กรุงเทพฯ TG 627
Post Views 1470