รีวิวเที่ยวคิวชูเหนือ 8 วัน บินการบินไทย เที่ยวฟุกุโอกะ
ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เที่ยวครั้งเดียวไม่พอจริงๆ เผลอแป๊ปเดียวเราก็จองตั๋วมาเที่ยวครั้งที่ 4 แล้ว การที่ญี่ปุ่นฟรีวีซ่าให้กับคนไทย บวกกับการเดินทางในประเทศที่สะดวก และนิสัยของชาวญี่ปุ่นที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ทำให้หลายคนติดใจมาเที่ยวประเทศนี้
ครั้งนี้เราเลือกเที่ยวใน ภูมิภาคคิวชู ด้วยเวลาที่มี 8 วัน ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จึงเลือกเที่ยวเฉพาะคิวชูตอนเหนือ 4 เมืองได้แก่ Fukuoka, Yufuin, Buppu และ Nagasaki ส่วนเมือง Kumamoto นั้นก็อยากไปแต่ว่าไฮไลต์ที่สำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ปราสาทคุมาโมโตะ กับภูเขาไฟอะโซะ ไม่สามารถไปได้ เลยจำเป็นต้องตัดเมืองนี้ออก
เตรียมตัวไปญี่ปุ่น (Kyushu)
- ตั๋วเครื่องบิน
หลังจากที่สายการบิน Jetstar ได้ยกเลิกเส้นทางไป Fukuoka ก็เหลือการบินไทย*เพียงสายการบินเดียวที่มีบินตรงไป Fukuoka เราทำการเช็คราคาไปเรื่อยๆ จนได้ราคาที่รับได้ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ฟุกุโอกะ คนละ 15,405 บาท โหลดกระเป๋าได้ 30 กิโลกรัม ราคานี้จองตรงกับสายการบินเลย แต่เนื่องจากว่าเราอยู่เชียงใหม่ ก็ต้องซื้อตั๋วไปต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ อีก เลยซื้อตั๋วการบินไทย เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ หมดไปอีก 2,530 บาท
การบินไทย* อัพเดท 2019 นอกสายมีสายการบินไทย บินตรงไป Fukuoka ยังมีสายการบิน Low cost (Thai Air asia, Thai Lion air) บินตรงจากดอนเมือง ไปยังฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้เดินทางในเส้นทางนี้
คนที่อยู่ต่างจังหวัดแนะนำให้เช็คราคาตั๋ว แบบซื้อแยกมากรุงเทพฯ เอง ราคาอาจจะถูกกว่าซื้อรวมอยู่ใน Booking เดียวกัน อย่างของผมซื้อแยก เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ เอง ถูกกว่าซื้อรวมอยู่ใน Booking เดียวกัน 2,500 บาท และที่สำคัญอย่าลืมเผื่อเวลาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิซัก 3 ชั่วโมงขึ้นไปนะครับ
- วางแผนการเดินทาง
– วันที่ 1 : ถึง Fukuoka ตอนเช้า เที่ยว Fukuoka นอน Hakata
– วันที่ 2 : เที่ยว Yufuin นอน Oita
– วันที่ 3 : เที่ยว Beppu นอน Oita
– วันที่ 4 : นั่งรถไฟไป Nagasaki เที่ยว Nagasaki ช่วงบ่าย นอน Nagasaki
– วันที่ 5 : เที่ยว Nagasaki ครึ่งวันเช้า กลับ Fukuoka นอน Hakata
– วันที่ 6 : เที่ยว Fukuoka นอน Hakata
– วันที่ 7 : เที่ยว Dazaifu นอน Hakata
– วันที่ 8 : เดินทางกลับไทย
- จองโรงแรม
หลังจากวางโปรแกรมแบบคร่าวๆ ได้แล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าจะนอนเมืองไหน วันไหนบ้าง มีทริกเล็กน้อยในการจองโรงแรม ให้เลือกจองโรงแรมใน Hakata (คืนที่ 1, 5-7) เป็นโรงแรมเดียวกันทั้งหมด เพื่อที่จะได้ขอเค้าฝากกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนวันที่ 2-4 เราก็แบ่งไปเฉพาะที่ต้องใช้
เราเลือกจองโรงแรมกับ Agoda 6 คืน เลือกแบบจองก่อนจ่ายทีหลัง และยกเลิกได้ และอีก 1 คืนที่ Nagasaki จองกับ Rakuten เนื่องจากว่าได้ราคาที่ดีกว่า
- พาสขึ้นรถไฟ
จากโปรแกรมเดินทางของเรา เลือกใช้ JR Kyushu North แบบ 5 วันดูจะคุ้มที่สุด ราคาพาส 10,000 เยน โดยเลือกใช้งานในวันที่ 2-6 พาสชนิดนี้สามารถซื้อที่ญี่ปุ่นได้ หรือ ถ้าซื้อล่วงหน้าทาง Online จะได้ส่วนลดถูกลงไปอีก สั่งซื้อ JR Kyushu North ส่วนวันอื่นๆ เลือกใช้ One day pass หรือจ่ายเป็นเที่ยวๆ ไป ตามแต่ว่าแบบไหนประหยัดกว่า
- แลกเงิน
แลกที่สากลการค้า SK Exchange จ.เชียงใหม่ ร้านนี้ให้เรทดีที่สุดในเชียงใหม่ เรทที่เราได้ 1 เยน : 0.3385 บาท แลกไปทั้งหมด 150,000 เยน แต่หลังจากแลกได้ไม่กี่วัน เรทตกฮวบ 1 เยน : 0.3138 บาท เงินหายไปทันที 3,705 บาท แอบช้ำใจเล็กน้อย
- เสื้อผ้า – เครื่องแต่งกาย
ช่วงที่เราไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิประมาณ 8-15 องศา เราแต่งตัวดังนี้ กางเกงยีนส์ + เสื้อยืด + เสื้อคอเต่า Heattech UNIQLO + เสื้อขนเป็ด Down jacket UNIQLO และมีผ้าพันคอในวันที่ลมแรง ทั้งหมดนี้เอาอยู่แบบสบายๆ ครับ
- อินเตอร์เนต
ใช้ซิมโรมมิ่ง SIM2Fly แบบ 8 วัน ราคา 399 บาท เอาไว้เปิดดู Google map และติดต่องานทาง Line
- สิ่งของอื่นๆ
Universal adaptor แปลงรูปลั๊กไฟญี่ปุ่น ให้ใช้ได้ปลั๊กไฟจากไทย, เครื่องชั่งน้ำหนักพกพา เอาไว้ชั่งน้ำหนัก – จัดกระเป๋าไม่ให้เกินโควต้าของสายการบิน, ไม้เซลฟี่ไว้ถ่ายรูปตัวเอง
วันเดินทาง
เราเดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ด้วยการบินไทย เครื่องใหญ่ นั่งสบาย ราคาขาละ 1,265 บาท แต่เสียอย่างเดียว Delay ไปเกือบ 1 ชั่วโมง ดีที่ว่าเราเผื่อเวลาไปมากพอสมควรเลยไม่มีปัญหากับการ Delay
เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็ไปเช็คอินที่ Counter การบินไทย ที่ ROW C ใช้เวลารอไม่นานมากก็เสร็จ จากนั้นก็ไปหาซื้อ SIM2Fly ที่ AIS Shop ตรงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศชั้น 2 ระหว่างประตู 6 กับ 7
ซิมที่เราซื้อเป็น SIM2Fly เอเชีย แบบ 8 วัน ราคา 399 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าซื้อที่นี่จะราคา 400 บาท ซิมนี้สามารถใช้งานได้ 11 ประเทศในเอเชีย ใช้เนต 3G/4G ได้สูงสุด 3GB เกินจากนั้นจะปรับ speed ลงเหลือ 128 Kbps ขั้นตอนการซิ้อซิมต้องใช้บัตรประชาชนในการลงทะเบียนด้วย
เสร็จเรื่องซิมก็ผ่าน ตม. ไทยออกไป คนไทยจะเข้าช่องทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) หรือที่เรียกว่า Auto Gate ขั้นตอนค่อนข้างไว และสะดวกมาก จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องที่เกต
เที่ยวบินขาออกของเราคือ TG648 ออกจากสุวรรณภูมิ (BKK) 1:00 น. และถึงฟุกุโอกะ (FUK) 8:00 น. ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง เที่ยวบินนี้มีคนญี่ปุ่นเป็นส่วนมาก รองมาก็คนไทย ส่วนคนชาติอื่นมีน้อยมาก
ประมาณ 0:30 น. ก็ทยอยเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง
เที่ยวบินนี้บินด้วยเครื่องบิน Airbus A330-300 เป็นเครื่องบินพิสัยบินระยะปานกลางถึงระยะไกล ชั้นประหยัดจัดวางที่นั่งแบบ 2-4-2 มี PTV และช่องเสียบ USB ไว้ชาร์จโทรศัพท์ทุกที่นั่ง
ของที่มีให้ หมอนใบเล็ก ผ้าห่ม และหูฟัง
ความกว้างของช่องวางเท้าก็ไม่ถึงกับแคบมาก
จอ PTV เป็นแบบทัชสกรีน แต่จะไม่สมูทเหมือนในมือถือ ต้องจิ้มแรงหน่อยถึงจะทำงาน หรือจะควบคุมผ่านรีโมทก็ได้
PTV จะมีอยู่ 5 เมนู
- Entertainment : หนัง, เพลง, รายการทีวี, เกมส์
- Information : ข้อมูลการเดินทาง
- Kids
- Onboard Services
- Window On Thailand
หนังมีให้ดูหลายเรื่องแบ่งเป็นหลายหมวด เช่นยอดนิยม, ใหม่ล่าสุด, คลาสสิค และที่พิเศษกว่าสายการบินอื่น คือมีหนังไทยด้วย แต่จะไม่ใหม่เท่าไหร่
หลังจากที่เครื่องบิน Take off ไปแล้ว จะไม่เปิดไฟ เพราะเป็นเวลาที่ควรจะนอนแล้ว ท่านใดที่หิวให้รอลูกเรือเดินมา แล้วขอของว่างได้ คือเค้าจะไม่เสริฟให้ทุกคน
นั่งหลับๆ ตื่นๆ ไปจน 4.30 น. (เวลาประเทศไทย) ก็เริ่มเปิดไฟ เตรียมเสริฟอาหารเช้า มองที่จอ PTV อยู่ที่ไต้หวันพอดี เกินครึ่งทางไปนิดเดียว เที่ยวบินนี้ทำใจได้เลยแทบจะไม่ได้นอน
อาหารเช้าจะมีให้เลือก 2 อย่าง 1. ชุดออมเล็ต (ถ้าฟังไม่ผิดนะ) 2. ข้าวไก่อบ ถ้าต้องการอะไรที่พิเศษกว่านี้ เช่น ซีฟู๊ด, มังสวิรัติ, อาหารไม่ใส่เกลือ ฯลฯ แนะนำให้เข้าไปสั่งอาหารล่วงหน้าทางเวบการบินไทย
อาหารรสชาติกลางๆ ปริมาณพอดีอิ่ม
มองไปนอกหน้าต่างเห็นทะเลหมอก พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
ทานอิ่มแล้วก็จะมีลูกเรือมาแจกใบ ตม. ญี่ปุ่น และใบศุลกากร
ใบ ตม. ญี่ปุ่น แบบใหม่จะกรอกน้อยลงมีเฉพาะขาเข้า (Arrival) เท่านั้น ส่วนใบศุลกากรยังคงเป็นแบบเดิม หากกลัวจะจะกรอกไม่ถูกให้ดูคำแปลที่รูปด้านล่าง หรือดูในหน้านี้ รายละเอียดการกรอกใบ ตม. ใบศุลกากร ประเทศญี่ปุ่น แบบใหม่ล่าสุด 2016-2017
ใบ ตม. ญี่ปุ่น (ด้านหน้า)
ใบ ตม. ญี่ปุ่น (ด้านหลัง)
ก่อนจะลงมีประกาศจากกัปตันว่าจะถึงสนามบินฟุกุโอกะเวลา 8:10 น. (เวลาญี่ปุ่น) หรือช้ากว่าที่กำหนด 10 นาที และเวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เช่นเวลาที่ไทย 6 โมง ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 8 โมง
เครื่องลงจอดที่สนามบินฟุกุโอกะ มีงวงเดินเข้าอาคารได้เลย จากนั้นก็เดินเข้า ตม. ญี่ปุ่น ถอดแว่น มองกล้อง นำนิ้วชี้ 2 ข้างวางทาบที่เครื่อง เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยไม่มีการถามอะไร
เดินไปรับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋ามาค่อนข้างเร็ว ด่านสุดท้ายก่อนจะออก จะเป็นศุลกากร เราจะต้องนำใบสีเหลืองที่กรอกเรียบร้อยแล้วยื่นให้เค้า ถ้าเป็นศุลกากรที่คันไซ (KIX) กับ นาริตะ (NRT) จะต้องถามโน่นนี่นั่น หลายคำถาม แต่ที่ฟุกุโอกะถามแค่ว่ามา 2 คนใช่ไหมแล้วก็จบ
ก่อนที่จะเข้าเมือง แวะล้างหน้า แปรงฟัน กันก่อน ในสนามบินมีร้าน 7-eleven ซื้อกาแฟมาดื่มเพิ่มความสดชื่น
ในสนามบินมีเกี๊ยวยักษ์ ที่ใช้แห่ในเทศกาล Hakata Gion Yamakasa เป็นเทศกาลประจำปีของเมือง Hakata ใครมาสนามบินนี้มักจะไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับเกี๊ยวยักษ์
ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเข้าเมือง เดินทางได้ดังนี้
การเดินทางจากสนามบิน ฟุกุโอกะ เข้าเมืองฮากาตะ
- ขึ้นรถบัสฟรีจากอาคาร International ไปยัง Domestic
- นั่งรถไฟ Subway จากสถานี FUKUOKA AIRPORT ไปลงสถานี HAKATA ค่าเดินทาง 260 เยน ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที
ใช้ทางออกประตู 4 จะเห็นรถบัสสีฟ้า รถคันนี้จะพาไปยังอาคาร Domestic
รถบัสใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงอาคาร Domestic เราสามารถนั่ง Subway จากตรงนี้เข้าเมือง Hakata ได้เลย
ทางเดินลงไป Subway
จากสถานี FUKUOKA AIRPORT ไปลงสถานี HAKATA ค่าเดินทาง 260 เยน ใครเคยมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วมีบัตร IC Card (Suica, Icoca ฯลฯ) สามารถใช้บัตรแตะขึ้นรถไฟได้เลย แต่ถ้าไม่มีบัตร ให้หยอดเหรียญซื้อตั๋วกับตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ แล้วค่อยไปซื้อ IC Card (SUGOCA) ที่สถานี Hakata
บัตรเงินสด IC Card Suica, ICOCA
นั่งรถไฟไป 2 สถานีก็ถึงสถานี Hakata แล้ว นับว่าสนามบินฟุกุโอกะเป็นสนามบินที่อยู่ใกล้เมืองมาก
สถานี Hakata เป็นสถานีใหญ่ในภูมิภาคคิวชู และเป็นศูนย์กลางการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ เป็นจุดต่อรถไฟ Subway รถไฟ JR และรถบัส
ซื้อ JR Kyushu (Northern) + จองที่นั่งรถไฟ
ภารกิจแรกของเราที่สถานี Hakata คือการซื้อ JR Kyushu (Northern) และจองที่นั่งรถไฟขบวน Limited Exp. ทั้งหมดในทริปนี้ สถานที่ซื้อ JR Kyushu จะเป็น JR Tickets ในสถานี JR Hakata ตามรูปด้านล่าง
ขั้นตอนการซื้อ JR Kyushu (Northern) และจองที่นั่งรถไฟ
- เตรียม Passport
- กรอกแบบฟอร์มซื้อ JR Kyushu
- กรอกแบบฟอร์มจองที่นั่งรถไฟ
- ต่อแถว ยื่นให้เจ้าหน้าที่
แบบฟอร์มทั้งหมด รวมถึงตารางรถไฟสามารถหยิบได้เองเลย
ราคา JR Kyushu*
- Northern Kyushu Area 3 วัน 8,500 เยน (เด็ก 4,250 เยน)
- Northern Kyushu Area 5 วัน 10,000 เยน (เด็ก 5,000 เยน)
- All Kyushu Area 3 วัน 15,000 เยน (เด็ก 7,500 เยน)
- All Kyushu Area 5 วัน 18,000 เยน (เด็ก 9,000 เยน)
หมายเหตุ. JR Kyushu สามารถซื้อได้ที่ญี่ปุ่น ไทย และช่องทาง Online ถ้าซื้อที่ไทยจะต้องนำมาแลกเป็น JR ตัวจริงที่ญี่ปุ่น ซื้อที่ญี่ปุ่นจะสะดวกกว่า ส่วนซื้อทาง Online บางครั้งก็มีโปรโมชั่นได้ราคาดีกว่า
แบบฟอร์มซื้อ JR Kyushu (รูปบน) กรอก 1 ใบ / 1 คน สามารถซื้อล่วงหน้าได้ โดยกำหนดวันใช้งานลงในฟอร์ม
แบบฟอร์มจองที่นั่งรถไฟ (รูปบน) 1 กรุ๊ป / 1 ใบ เช่นไปกัน 4 คนก็กรอกแค่ใบเดียว เจ้าหน้าที่ไม่รับจองจากกระดาษอื่นๆ ที่ไม่ใช่ใบนี้
ขั้นตอนการจองที่นั่งรถไฟค่อนข้างสำคัญกับการเดินทางมาก ควรวางแผนสำรองในกรณีที่รถไฟที่จะไปไม่สามารถจองที่นั่งได้ โดยเฉพาะขบวนรถไฟ Yufuin no Mori ขบวนยอดฮิตของคิวชู มีวิ่งเพียงวันละ 2-3 ขบวน และต้องจองที่นั่งทุกที่ด้วย
การแก้ปัญหาในกรณีที่ Yufuin no Mori เต็ม ให้นั่งรถไฟขบวน Yufu ไปแทน
ทริกในการจองรถไฟ Yufuin no Mori
- ดูตารางรถไฟให้ดี Yufuin no Mori วิ่งรอบไหนบ้าง บางรอบจะถูกแทนที่ด้วยรถไฟ Yufu
- จองจาก Yufuin ไป Hakata จะจองได้ง่ายกว่า Hakata ไป Yufuin
- จองล่วงหน้าให้นานเข้าไว้
- หลีกเลี่ยงการจองวันเสาร์ – อาทิตย์
- ขบวน Yufuin no Mori 3 กับ 4 จะวิ่งไปถึง Beppu ให้เลือกจอง Yufuin – Beppu หรือ Beppu – Yufuin เส้นทางนี้จองไม่ยาก
เราซื้อ Northern Kyushu Area 5 วัน ราคา 10,000 เยน พร้อมกับจองที่นั่ง ผลการจองเราไม่สามารถนั่ง Yufuin no Mori ได้ คงเป็นเพราะว่าจะเดินทางวันพรุ่งนี้แล้ว จองใกล้ไป รถไฟเต็มแล้ว เปลี่ยนเป็นขบวน Yufu แทนก็เต็มอีก เลยต้องใช้วิธีนั่งขบวน Yufu ส่วนที่ไม่ต้องจองที่นั่ง
ข้างๆ JR Tickets จะมีเครื่องจำหน่ายบัตร IC Card (SUGOCA) สามารถกดซื้อจากตู้ได้เลย หรือจะนำบัตรมาเติมเงินก็ได้ ตู้ชนิดนี้ทอนเงินได้ ใส่แบงค์ 10,000 เยน ก็ยังมีทอน
ที่ฝั่งตรงข้าม JR Tickets มีร้านครัวซองต์ชื่อดัง il FORNO del MIGNON ใน Pantip เรียกกันว่าครัวซองต์เทพ แนะนำให้ซื้อไปลองทานกันครับ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 รส ได้แก่ครัวซองต์ธรรมดา ครัวซองต์ไส้มันฝรั่ง และครัวซองต์ไส้ช๊อกโกแลต รสชาติอร่อยทุกรสเลย
ส่วนราคาเค้าจะคิดตามน้ำหนัก และจะแตกต่างกันไปในแต่ละรสชาติ ราคาครัวซองต์ธรรมดาชิ้นละประมาณ 13 บาท, ครัวซองต์ไส้มันฝรั่งชิ้นละประมาณ 18 บาท และครัวซองต์ไส้ช๊อกโกแลตประมาณ 24 บาท ราคาอาจจะแตกต่างไปจากนี้บ้าง เพราะแต่ละชิ้นขนาดไม่เท่ากัน
10:30 น. จัดการธุระทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เราจะเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม แล้วเที่ยวเบาๆ ในเมืองฟุกุโอกะ
ฟุกุโอกะ (Fukuoka (福岡)
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู อยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น หรืออยู่ใต้โอซาก้าเป็นระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร และห่างจากแผ่นดินใหญ่เมืองปูซาน เพียง 200 กิโลเมตรเศษ
ในประวัติศาสตร์ฟุกุโอกะเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เคยถูกมองโกลรุกรานถึง 2 ครั้งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่กองทัพมองโกลก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากเจอพายุใต้ฝุ่นทำให้ทัพเรือล่มกลางทะเล
ฟุกุโอกะในวันนี้ เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น และเคยได้รับการจัดอันดับในปี 2016 ว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก
ที่พักของเราในคืนนี้เป็นโรงแรม Hotel Sunline Fukuoka โรงแรมนี้มีอยู่ 2 สาขาใน Fukuoka สาขาที่เราพักนั้นเป็นสาขาใกล้สถานี Hakata อยู่ห่างจากสถานี 600 เมตร เป็นระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไป รีวิวโรงแรมจะอยู่ช่วงล่างๆ ของหน้านี้นะครับ
การเดินทางไปโรงแรม Hotel Sunline Fukuoka
ออกจากสถานี Hakata ทางออก Hakata Gate (west) เดินไปทางซ้าย ผ่านร้าน Starbuck ทางซ้ายมือ ข้ามถนนที่ 3 แยก ไปฝั่งที่มีร้านขายยาสีแดง DRUG ELEVEN เดินไปทางขวา โรงแรมจะอยู่ในซอยทางซ้ายมือ ซอยที่ 2 เดินเข้าซอยไปนิดเดียวก็จะเจอโรงแรมเลย
เราเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม ลงทะเบียนเข้าพัก และจะกลับมาเช็คอินตอนบ่าย 3 (โรงแรมในญี่ปุ่นจะเช็คอินได้เวลานี้) ได้เวลาเที่ยวเบาๆ ในฟุกุโอกะกันแล้ว
โปรแกรมเที่ยวในวันนี้
- ห้าง Yodobashi (ห้างอิเล็กทรอนิกส์) แถวๆ สถานี Hakata
- ห้าง JR Hakata city (Amu plaza) ติดสถานี Hakata ชั้นดาดฟ้า RF มีจุดชมวิวและสวน Tsubame no mori
- ร้าน Book off ขายของของมือสอง ที่ตึก north tenjin ชั้น 6-7 ใกล้สถานี Tenjin
- ทานราเมงข้อสอบ (Ichiran) หน้าสถานี Hakata
การเดินทางในวันนี้เราจะไปด้วยรถไฟ Subway และจ่ายเงินด้วย IC Card ICOCA แต่ใครจะใช้ SUGOCA, Suica ก็ใช้ได้นะครับ
ห้าง Yodobashi สาขาที่เราไปเป็นสาขา Hakata อยู่หลังสถานี Hakata ฝั่ง East บนถนน Takeshita ของที่ขายใน Yodobashi ส่วนมากจะเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นกล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน ของเล่น โมเดลกันดั้ม โซนเล่นเกมตู้ ตู้คีบตุ๊กตา ตู้กาชาปอง และที่ชั้น 3 มีร้านเสื้อผ้าราคาถูก GU แบรนด์ลูกของ UNIQLO
จากสินค้าที่ขายน่าจะถูกใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ที่ชั้น 4 เป็นโซนของเล่นมีตู้กาชาปองมากกว่าร้อยตู้ มีตัวการ์ตูนมากมาย เช่นกันดั้ม โดราเอม่อน คิตตี้ อังปังแมน และการ์ตูนยอดฮิตของญี่ปุ่น ราคากาชาปองลูกละ 100-300 เยน
ขั้นตอนการเล่น ให้หยอดเหรียญตามราคาที่ติดไว้ จากนั้นบิดตรงกลางตู้ ลูกกลมๆ จะตกลงมา ในนั้นจะมีของเล่นอยู่ ความสนุกมันอยู่ที่ได้ลุ้นว่าของชิ้นนั้นเป็นอะไร จะถูกใจไหม
ตู้คีบตุ๊กตา จะจัดท่าตุ๊กตาให้ดูเหมือนจะเล่นง่าย แต่เชื่อเถอะว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด
ออกจากห้าง Yodobashi เข้าห้าง JR Hakata city (Amu plaza) ห้างนี้อยู่ติดกับสถานี Hakata เลย
JR Hakata city เป็นห้างใหญ่ สินค้าที่ขายก็มีเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน สินค้าแบรนด์เนม ร้านหนังสือ ร้านอาหาร ชั้นล่างสุดเป็นชั้น B1 ชั้นสูงสุดเป็นชั้น 10 และมีดาดฟ้าเป็นสวนสาธารณะ สวนสนุกสำหรับเด็ก
ชั้นที่น่าสนใจจะเป็นชั้นดาดฟ้า (RF) Tsubame No Mori Hiroba ชั้นนี้เป็นสวนบนดาดฟ้า มีจุดชมวิว 360 องศาเห็นวิวรอบๆ เมืองฮากาตะ สวนแห่งนี้ออกแบบโดยเอจิ (Eiji Mitooka) นักออกแบบอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่น ผลงานออกแบบของเอจิ ที่โดดเด่นก็จะเป็นรถไฟในคิวชู ถ้าใครเคยได้ไปเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่น จะรู้ว่ารถไฟในคิวชูสวยงาม และไม่เหมือนในภูมิภาคอื่น อย่างเช่นขบวนรถไฟ Yufuin no Mori และ Aso Boy!เป็นรถไฟที่นักท่องเที่ยวอยากนั่งมากที่สุด
ชั้นดาดฟ้า (RF) Tsubame No Mori Hiroba สามารถเข้าชมได้ฟรีนะครับ เหมาะสำหรับนั่งเล่น พักผ่อน และชมวิว
สิ่งที่น่าสนใจในสวนดาดฟ้า Tsubame No Mori Hiroba
ศาลเจ้ารถไฟ (Railroad Shrine) ไว้ขอพรให้เดินทางปลอดภัย
จุดชมวิวรถไฟ มองเห็นรถไฟเข้า – ออก จากสถานี Hakata ได้ชัดมาก
รถไฟเด็กเล่นซึบาเมะ (Tsubame Mini Train)
แท่นยกระดับ ชมวิวพาโนรามา 360 องศา
จุดชมวิว 360 องศา มองเห็น Fukuoka Tower อยู่ไกลๆ
ลานปั่นรถจักรยาน 3 ล้อ (สำหรับเด็ก) รอบๆ จะเป็นสวนดอกไม้ที่สับเปลี่ยนให้สวยทุกฤดูกาล
ตอนแรกว่าจะนั่งชมวิวที่สวนดาดฟ้า Tsubame No Mori Hiroba นานหน่อย แต่อากาศค่อนข้างเย็น เลยเดินทางต่อดีกว่า สถานที่เราจะไปนั้นเป็นร้าน Book off ร้านขายของมือสองขนาดใหญ่ใน Fukuoka
การเดินทางไปร้าน Book Off สาขา North Tenjin Store
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ Subway Kuko Line ไปลงสถานี Tenjin (ระยะทาง 3 สถานี) ค่าโดยสาร 200 เยน
- ออกที่สถานี Tenjin ทางออก 11 แล้วเดินต่อ 3 ประมาณนาทีจะถึงตึก North Tenjin
- ร้าน Book Off จะอยู่ที่ชั้น 6-7
ร้าน Book Off มีอะไรน่าสนใจ?
ร้าน Book Off เป็นร้านหนังสือมือสองที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่นกว่า 840 สาขา สินค้าหลักๆ จะเป็นหนังสือ CD DVD และในบางสาขายังมีเสื้อผ้า ของเล่น โมเดล เกมส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องดนตรี กระเป๋า สินค้าแบรนด์เนม อีกด้วย โดยรูปแบบของร้าน Book Off จะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ
- Book Off : หนังสือ CD DVD มือสอง
- Book Off Plus: หนังสือ CD DVD มือสอง + เสื้อผ้า กระเป๋า สินค้าแบรนด์เนม
- Book Off Super Bazaar: หนังสือ CD DVD มือสอง + เสื้อผ้า กระเป๋า สินค้าแบรนด์เนม + เครื่องดนตรี สินค้าสารพัดอย่าง เป็นรูปแบบของร้าน Book Off ที่มีสินค้าหลากหลายที่สุด
และที่พิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว ร้าน Book Off เข้าร่วมโครงการ Tax Free shop เมื่อซื้อสินค้ามากกว่า 5,000 เยน สามารถขอคืนภาษีได้
ชั้น 6F : สินค้าแฟชั่นผู้หญิง – ผู้ชาย – เด็ก, สินค้าแบรนด์เนม, เครื่องประดับ, นาฬิกา, กระเป๋า
เสื้อผ้ามือสอง สภาพค่อนข้างดี ไม่มีกลิ่นเหม็น ราคาสมเหตุสมผล (ไม่ถึงกับถูก)
กระเป๋าแบรนด์เนม โดยเฉพาะ Louis Vuitton มีเยอะมาก คนญี่ปุ่นชอบใช้ยี่ห้อนี้ ราคาที่ขาย สามารถทำ TAX refund ได้ ค่อนข้างคุ้ม
รองเท้ามือ 2 มีเยอะมาก
ชั้น 7 : หนังสือ, วีดีโอเกมส์, CD – DVD, การ์ดเกมส์, โมเดล, ของเล่น, ของใช้ในบ้าน, เครื่องดนตรี
ชั้นนี้มีหนังสือเยอะมาก
กล้องมือ 2 หาดูดีๆ ก็มีตัวน่าสนใจเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องระวัง บางรุ่นเมนูญี่ปุ่นล้วน
โมเดล – ของเล่นก็มีเยอะ
โดยรวมแล้ว Book Off ที่นี่ของน่าสนใจมากครับ แต่เราต้องมีไอเดียในหัวก่อนว่าต้องการอะไร ในงบประมาณเท่าไหร่
14:50 น. ดูของที่ร้าน Book Off เสร็จแล้ว ดูเวลาก็เกือบจะบ่าย 3 แล้ว ได้เวลาที่จะไปเช็คอินที่โรงแรม เรานั่ง Subway กลับไปที่สถานี Hakata และหาของกินก่อนเข้าโรงแรม
ด้วยความที่อยากกินอะไรที่มีรสชาติซักหน่อย เลยทานมื้อบ่ายที่ราเมงข้อสอบ (Ichiran Ramen) เป็นราเมงเจ้าดังที่คนไทยนิยมทาน และต้นกำเนิดของราเมงข้อสอบก็อยู่ในฟุกุโอกะ ให้ความรู้สึกว่าได้ทานในเมืองที่เป็นต้นกำเนิด สำหรับสาขาที่เราทานนั้นเป็นสาขา Hakata สาขานี้อยู่ติดสถานีเลย
การเดินทางไปร้านราเมงข้อสอบ (Ichiran Ramen)
ออกจากสถานี Hakata ทางออก Hakata Gate (west) เดินตรงไป และลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินของห้าง AMU Plaza
เลี้ยวซ้ายที่ 7-eleven ในรูปด้านบน และเดินไปสุดทางก็จะเจอร้าน
ขั้นตอนการทานราเมงข้อสอบ
- กดซื้อตั๋วจากตู้ เลือกเอาว่าจะเอาราเมงแบบไหน เพิ่มหมู เพิ่มไข่หรือเปล่า แบบเบสิคสุดราเมงธรรมดา 790 เยน
- ที่นั่งในร้านจะแบ่งเป็นซอย ในแต่ละซอยจะมีที่นั่งยาว หันหน้าไปทางเดียวกัน เลือกที่นั่งเองตามใจชอบ
- วงรสชาติ ความต้องการของราเมงตามใจชอบลงกระดาษ หรือที่เรียกว่ากาข้อสอบ
- กดปุ่มเรียกพนักงานมารับใบ + ตั๋ว
- พนักงานนำราเมงมาเสริฟพร้อมกับปิดม่าน
ใบที่ให้เราระบุรสชาติที่ต้องการมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ สามารถแจ้งพนักงานได้ครับ
รสชาติที่ถูกปากคนไทย เผ็ดระดับ 2-4 เผ็ดกำลังดีครับ ราเมงถ้วยนี้มีหมูอยู่ 2 ชิ้น มีโปรตีนน้อยไป แนะนำให้เพิ่มไข่ เพิ่มหมูตามใจชอบ
อิ่มจากราเมงก็ได้เวลากลับไปนอนพักที่โรงแรมแล้ว
ระหว่างทางไปโรงแรมจะมีแนวต้นแปะก๊วยปลูกอยู่ริมถนน เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างแล้ว ถ้าเป็นโตเกียวคงเหลืองอร่ามมากกว่านี้ ในฟุกุโอกะหาใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ไม่ค่อยได้
ถึงโรงแรมเราแล้ว Hotel Sunline Fukuoka ก่อนจะเข้าโรงแรมพาทัวร์รอบๆ ก่อนละกัน
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเป็น YAOJI Hakata Hotel โรงแรมนี้มีออนเซ็นสาธารณะให้คนภายนอกเข้าไปใช้บริการได้ด้วย (750 เยน) พัก Hotel Sunline Fukuoka มีส่วนลดให้ และติดกับ YAOJI Hakata Hotel ก็จะเป็น Family mart
ถัดจาก Family mart ไปนิดเดียว มีร้านอาหารแบบสั่งกลับบ้าน HottoMotto
โดยรวมแล้ว Hotel Sunline Fukuoka ทำเลค่อนข้างดีเลย เดินไปสถานีก็ไม่ไกล ฝั่งตรงข้ามโรงแรมมีร้านสะดวกซื้อด้วย
เดินไปเดินมา เข้าโรงแรมตอน 16:20 น. รับกระเป๋าที่ฝากไว้ พนักงานก็ให้กุญแจห้องพักเรามาเลย เพราะเราได้ลงทะเบียนไปตอนเช้าแล้ว
ที่หน้าลิฟต์จะมีของใช้ ให้เราหยิบขึ้นไปเอง ของที่มีให้ มีดโกนหนวด, ใยขัดตัว, หมวกอาบน้ำ และคอตตอนบัด
ห้องพักของเราเป็นแบบ Double Non-Smoking ขนาดห้อง 16 ตารางเมตร ราคาที่พักคืนละ 2,507 บาท เป็นราคาที่ไม่แพง
*** เช็คราคา และ โปรโมชั่น Hotel Sunline Fukuoka Hakata-Ekimae ***
เข้าไปในห้องพักต้องเสียบกุญแจลงในช่องเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน ข้างประตูจะมีซอกเล็กๆ ไว้แขวนเสื้อผ้า ห้องน้ำจะอยู่ตรงหน้าห้อง
พื้นในห้องปูพรม หน้าหนาวไม่ต้องกลัวเย็นเท้า บนเตียงมีชุดยูกาตะ (Yukata) ให้สองชุด
สิ่งอำนวยความสะดวกก็มี TV, ตู้เย็น, กาต้มน้ำ + ชา กาแฟ, ไดร์เป่าผม
ในห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัวใหญ่ 2 ผืน เล็ก 2 ผืน, แปรงสีฟัน + ยาสีฟัน 2 ชุด ชักโครกเป็นแบบอัตโนมัติ ปุ่มควมคุมจะอยู่ด้านหน้าเรา เวลาเรานั่งที่ชักโครก
รูปบน. ปุ่มควมคุมชักโครก
สบู่เหลว แชมพู และครีมนวด ใช้ของ Shiseido ของคุณภาพดี
เครื่องปรับอากาศในห้องเป็นได้ทั้งแอร์ และ ฮีทเตอร์ หน้าหนาวไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวทรมาน ในห้องและพื้นที่ในโรงแรมมีฟรี wifi ใช้ทั่วถึงหมด รหัส wifi จะอยู่ในกระดาษที่พนักงานให้ตอนเช็คอิน นอกจากนี้ก็ยังมีบอกในแฟ้มตรงโต๊ะทำงาน
ก่อนจะนอนเราเตรียมจัดกระเป๋าสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ โดยจะไป Yufuin – Beppu – Nagasaki ทั้งหมด 4 วันและจะกลับมาพักโรงแรมนี้อีกครั้ง เราแบ่งของที่จะใช้ 4 วันลงในเป้ แล้วฝากกระเป๋า 24 นิ้ว 2 ใบไว้กับโรงแรม ลดภาระการนำกระเป๋าใบใหญ่ติดตัวไปด้วย
คืนวันแรกหลับตั้งแต่ก่อน 2 ทุ่ม หมดเรี่ยวแรงกับการอดนอน เลยต้องนอนเร็วชดเชย ในตอนต่อไปเราจะไปเที่ยวกันที่เมือง Yufuin เมืองที่ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเกาะคิวชู ติดตามชมกันต่อนะครับ
อ่านตอนต่อไป –> รีวิวยูฟูอิน Yufuin เมืองออนเซนรีสอร์ท ชมวิวริมทะเลสาบ Kinrinko
รีวิวทั้งหมด
- รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น 8 วัน บินการบินไทย เที่ยวฟุกุโอกะ – คิวชูตอนเหนือ
- รีวิวยูฟูอิน Yufuin เมืองออนเซนรีสอร์ท ชมวิวริมทะเลสาบ Kinrinko
- รีวิวเที่ยวเบปปุ Beppu ใน 1 วัน ชมบ่อนรกจิโกกุ Jigoku
- เที่ยวนางาซากิ Nagasaki Peace Park – Glover Garden – สะพานแว่นตา
- เที่ยว Fukuoka – Dazaifu เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคิวชู
- รีวิว Duty free สนามบิน Fukuoka บิน TG 649 กลับไทย
- สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวคิวชูเหนือ 8 วัน Fukuoka – Yufuin – Beppu – Nagasaki
Post Views 59118
พี่ทำรีวิวได้ดีมากๆเลยค่ะ มีรายละเอียดที่หลายๆคนสงสัยอย่างครบถ้วนจริงๆ สุดยอดเลยพี่!
ตอบคุณ Boom
ขอบคุณที่มาให้กำลังใจครับ ^^
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
ละเอียดมากๆค่ะ ชอบๆๆ
อยากเอาจักรยานพับ ไปปั่น admin มีเส้นทาง แนะนำไหมครับ 🙂