นัมบะ Namba ย่านชอปปิ้งโอซาก้า ป้ายไฟกูลิโกะ
ญี่ปุ่น / โอซาก้า / นัมบะ
นัมบะ (Namba, Nanba : 難波) เป็นแหล่งบันเทิง จุดต่อรถไฟ ย่านท่องเที่ยว ย่านที่พัก และ ย่านชอปปิ้งที่สำคัญในโอซาก้า อยู่ใกล้กับสถานี Namba หรือ ทางด้านทิศใต้ของ Osaka Loop Line ย่านนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามินามิ (Minami : 南) ซึ่งแปลว่าทิศใต้
ถ้าให้เปรียบเทียบกับโตเกียว ย่าน Namba ก็คล้ายๆ กันย่าน Shinjuku มีความใหญ่ และ ซับซ้อน ไม่แพ้กัน เป็นย่านช๊อปปิ้งขนาดใหญ่ และ จุดต่อรถไฟเหมือนกัน นักท่องเที่ยวที่มาโอซาก้ามักจะเลือกพักที่ Namba หรือ Umeda เนื่องจากเป็นย่านเจริญ และเป็นจุดต่อรถไฟขนาดใหญ่ ที่พัก Namba ก็มีตัวเลือกมาก ตั้งแต่ Hostel ไปจนถึงโรงแรม 5 ดาว
ทางเข้าทางถนนคนเดินชินไซบาชิ
ย่านชอปปิ้งในนัมบะ
- นัมบะ วอล์ค (Namba walk) อยู่ชั้นใต้ดินเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟนัมบะ JR Namba – Namba (subway) เป็นทางเดินยาว จากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก ยาวถึง 715 เมตร รูปแบบเป็นศูนย์การค้าใต้ดิน มีร้านค้า ร้านอาหารหลายร้าน ติดแอร์ วัยรุ่นมาเดินกันเยอะ วันไหนฝนตก อากาศไม่ดี คนก็จะมาเดินเล่นกันเยอะ
- โดทงโบริ, โดตมโบริ (Dotonbori, Dotombori) บริเวณริมคลองโดทงโบริ รวมถึงป้ายกูลิโกะ แลนด์มาร์คในย่านนัมบะ เป็นย่านที่มีป้ายไฟใหญ่ๆ เยอะมาก เป็นสีสันในย่านนี้
- ทางเดินชินไซบาชิ (Shinsaibashi) เป็นทางเดินมีหลังคา ยาว 600 เมตร มีร้านค้าอยู่ 2 ฝั่ง ของที่ขายหลักๆ ในย่านนี้ ร้านขายยา-เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ขนม ร้านแบรนด์เนมยอดนิยมในย่านนี้ได้แก่ H&M, ZARA, ABC Mart, GU, Matsumoto Kiyoshi, Sario, Uniqlo, Onitsuka Tiger, LOFT ฯลฯ
- นิปปอนบาชิ (Nipponbashi) หรือ เดน เดน ทาวน์ (Den Den Town) อยู่ทางด้านทิศเหนือของสถานี Ebisucho ย่านนี้มีของขายหลายอย่าง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือช่าง อิเล็กทรอนิกส์ การ์ตูน โมเดล Gundam Gunpla ถ้าเปรียบกับโตเกียว ย่านนี้ก็เหมือน Akihabara
นัมบะ วอล์ค (Namba walk)
แลนด์มาร์คที่สำคัญในย่านนัมบะ จะเป็นป้ายกูลิโกะขนาดใหญ่ ที่ติดอยู่ริมคลอง ปูยักษ์สีส้มหน้าร้านอาหาร Kani Doraku Crab และ หุ่นยนต์ตีกลองชุดขาวแดง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวย่านนี้มักจะมาถ่ายรูปกับ 3 อย่างนี้
ป้ายกูลิโกะขนาดใหญ่ รูปนักวิ่งชูมือ 2 ข้าง ริมคลองโดทงบุริ ตรงสะพาน Ebisu-bashi เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ป้ายไฟนีออนกูลิโกะเริ่มติดตั้งครั้งแรกในปี ค.ศ. 1935 และมีการเปลี่ยนรูปแบบอยู่หลายครั้ง ปัจจุบันเป็นเวอร์ชั่นที่ 6 (2014 – ปัจจุบัน)
บริเวณสะพาน Ebisu-bashi นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นจุดนัดพบยอดนิยม จนมีชื่อเล่นว่าสะพานรับ-ส่ง (hikkake-bashi) เนื่องจากเป็นจุดที่หนุ่มๆ จะมารับผู้หญิงที่ชอบ
มีทริกเล็กน้อยกับการถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะ โดยที่ไม่ต้องการติดคน ข้างๆ ถนนใหญ่จะมีทางเดินลงไปที่คลอง (ตำแหน่งที่ผู้หญิงกางร่ม ในรูปบน) ตรงทางเดินนี้ไม่ค่อยมีคนมาถ่ายรูป และถ้าเดินลงไปที่ริมคลองจะมีมุมกว้างให้ถ่ายรูปโดยที่ไม่ติดคนอีกหลายมุม
มุมถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะแบบไม่ติดใคร
คลองโดทงบุริ Dotombori มาจากชื่อของพ่อค้าชาวญี่ปุ่น Yasui Dotom ที่บริจาคทรัพย์ส่วนตัวขุดคลองเชื่อมต่อกับแม่น้ำสองสาย โดยหวังจะช่วยเพิ่มรายได้จากการค้าขายในแถบนั้น เมื่อ ค.ศ.1612 ต่อมา ในสมัยเอะโด (ค.ศ.1603-1867) ทางการได้ปรับปรุงเมืองใหม่ ทำให้มีโรงละครมาเปิดแสดงทางตอนใต้ของคลอง Dotombori มากมาย ตามมาด้วยโรงน้ำชาเปิดบริการกว่า 47 โรง ทำให้ย่าน Dotombori กลายเป็นย่านที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาชมการแสดง ต่อมาจึงมีร้านอาหารทยอยเปิดขึ้นอีกมากมาย ปัจจุบันโรงละครเก่าๆ คงเหลือเพียง โรงละคร Shochiku-za ที่เชิงสะพาน Ebizu-bashi แห่งเดียวเท่านั้น
โรงละคร Shochiku-za สร้างปี ค.ศ. 1923 เป็นโรงละครเเห่งเเรกของญี่ปุ่น เเละ Dotombori ปัจจุบัน (2023) โรงละคร Shochiku-za ได้มีอายุครบ 100 ปี
สารพัดป้ายไฟ ราวกับว่าหลุดไปในโลกแห่งอนาคต
หุ่นยนต์ตีกลอง Kuidaore Taro (食い倒れ) มีหน้าตาเป็นผู้ชายใส่แว่น สวมชุดสีแดงขาว คล้ายตัวตลก ยืนตีกลอง เป็นหุ่นยนต์ที่ใช้เรียกแขกเข้าร้านอาหาร Cui-Daoré ในปี ค.ศ. 1949 ปัจจุบันร้านอาหารนี้ได้ปิดไปแล้วแต่ได้มีการนำ Kuidaore Taro มายืนเรียกแขกและสร้างสีสันให้กับย่านนี้ ตำแหน่งยืนของหุ่นนี้อยู่ที่ด้านล่างตึก Nakaza Cuidaore ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูปกับ Kuidaore Taro จำนวนมาก
ปูยักษ์ Kani Dōraku crab สีส้มขนาด 6.5 เมตร ที่หน้าร้านอาหาร Kani Dōraku ปูตัวนี้สามารถขยับขาและตาได้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960
Dotonbori Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์วงรี มีความสูง 77.4 เมตร จุคนได้ 4 คน/กระเช้า ประดับด้วยรูปปั้น Ebisu เทพเจ้าแห่งชาวประมงและความโชคดี ตั้งอยู่หน้าตึก Ebisu Tower หรือร้าน Donki ร้านขายของถูกสารพัดอย่าง ในสมัยก่อนเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในย่านนี้
ป้ายไฟบริเวณนี้จะเริ่มเปิดไฟหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไม่นาน ป้ายไฟกูลิโกะจะเป็นป้ายที่เปิดหลังสุด จะเปิดเมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำไปแล้ว
ร้านปาจิงโกะ ตู้คีบตุ๊กตา ตู้หยอดเหรียญกาชาปอง (ガシャポン) ก็มีค่อนข้างมากในย่านนี้ ถือว่าเป็นย่านแห่งความสนุก และเสียงหัวเราะ
ร้านอาหาร ร้านขนม ที่ขึ้นชื่อในย่านนี้ได้แก่ ร้านราเมงข้อสอบ, ร้านทาร์ต PABLO, Okonomiyaki MIZUNO, ของทอดเสียบไม้ชุบแป้งทอด Kushikatsu, ร้านซูชิสายพาน ส่วนร้านกลางคืนคลับ บาร์โฮส ไม่แนะนำให้เข้า ไม่ค่อยปลอดภัยกับเงินในกระเป๋า
อาหารที่แนะนำให้ลองหาทานในโอซาก้าจะเป็น ทาโกะยากิ (たこ焼き) บางคนก็เรียกว่าขนมครกญี่ปุ่น ในโอซาก้าจะหาทาโกะยากิทานได้ง่ายกว่าย่านอื่น เนื่องจากทาโกะยากิมีต้นกำเนิดที่โอซาก้า และเป็นของกินที่ได้รับความนิยม รสชาติของทาโกะยากิในโอซาก้าจะเป็นรสชาติต้นตำรับ
ร้านทาร์ต PABLO ของขึ้นชื่อจะเป็น พรีเมี่ยมชีสทาร์ต แนะนำให้ลอง
ล่องเรือครูซส์ Tombori River Cruise กิจกรรมยอดนิยมของที่นี่ จุดขึ้นเรือจะอยู่ที่ที่ชั้น 1 ของร้าน Don Quijote ฝั่งเหนือของถนน Tombori Riverwalk ระยะเวลาล่องเรือ 20 นาที ค่าโดยสาร 1,000 เยน
ราเมงข้อสอบ Ichiran สาขานี้คิวยาวมาก
ย่านชอปปิ้งชินไซบาชิ
สำหรับคนที่ชอบดูหนัง ที่นี่เคยถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดเรื่อง “Black Rain” เป็นหนัง Action จุดถ่ายทำจะเป็นบริเวณรอบๆ คลอง Dotonburi
การเดินทาง |
รถไฟ JR : | ลงที่สถานี Namba เดินออกทาง Namba walk และเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที | |
รถไฟ Subway : | สถานี Namba*, Nankai – Namba และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที สถานีของรถไฟใต้ดินจะใกล้ย่าน Namba มากกว่าของรถไฟ JR
หมายเหตุ* สถานี Namba ของรถไฟแต่ละสาย จะอยู่แยกจากกัน แต่ก็อยู่ในระยะที่เดินถึง |
การเข้าชม |
เวลาเปิด – ปิด : | 10:00 – 21:00 น. | |
วันปิด : | ไม่มี |
Post Views 23249