เตรียมตัวไปญี่ปุ่น เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น / เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปเที่ยว แนวโน้มการเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ง้อทัวร์มีมากขึ้น บทความนี้เขียนเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังไปเที่ยวญี่ปุ่น ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง สกุลเงินที่ใช้ ภาษา ระบบไฟฟ้า ภูมิอากาศ มารยาทคนญี่ปุ่น และข้อมูลที่ควรรู้

นโยบายใหม่ ตั้งแต่ 11 ตุลาคม 65

  • ผู้เดินทางเข้าญี่ปุ่นไม่ต้องตรวจเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น หากแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน* ตามบัญชีการใช้ในกรณีฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ครบ 3 เข็ม หรือ ผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น ทั้งนี้ ยกเว้นแนวปฏิบัติดังกล่าวในกรณีที่ผู้เดินทางมีอาการบ่งชี้ว่าอาจติดเชื้อโควิด-1

วัคซีน*โควิด-19 ที่ใช้ฉีดในไทย ที่องค์การอนามัยโลกรับรอง ใครฉีดตามนี้ 3 เข็ม เข้าญี่ปุ่นได้ (สลับชนิดกันก็ได้)

วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) วัคซีนแอสทราเซเนกา (Oxford–AstraZeneca) วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm)  วัคซีนซิโนแวค (Sinovac)

  • ในกรณีที่ผู้เดินทางอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถใช้การฉีดวัคซีน ของผู้ปกครอง (พ่อ/แม่) แทนตัวเด็กได้ เช่น เด็กยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่แม่ฉีด 3 เข็มแล้ว ก็ให้ถือว่าเด็กฉีด 3 เข็มแล้ว

  • ใบรับรองการฉีดวัคซีน สามารถขอได้ใน App. หมอพร้อม เมนู International Certificate – ขอหนังสือรับรอง / เพิ่มข้อมูลวัคซีน
  • กรอกข้อมูลส่วนตัวลงใน App. My SOS ก่อนเดินทาง ถ้ากรอกถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ จอจะเป็นสีน้ำเงิน หากไม่ได้กรอกก่อนไป เมื่อถึงญี่ปุ่นเจ้าหน้าที่จะให้กรอกก่อนเข้า ตม. และจะเสียเวลามากกว่าการกรอกล่วงหน้าจากบ้าน ในข้อนี้เพื่อความสะดวกควรมีโทรศัพท์ที่ลง App. ได้คนละเครื่อง

VISA – Passsport

  • ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ.2556 คนไทยสามารถเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้ VISA และสามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้สูงสุด 15 วัน ถ้าหากต้องการอยู่นานกว่านั้นต้องทำ VISA
  • การนับวันที่อยู่ในญี่ปุ่นจะไม่นับวันแรกที่ไปถึง เช่น ถึงญี่ปุ่นวันที่ 1 และ บินออกจากญี่ปุ่นวันที่ 10 นับเป็น 9 วันที่อยู่ในญี่ปุ่น
  • ในการเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องใช้ หนังสือเดินทาง (Passport) ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดอายุของหนังสือเดินทางว่าต้องมีอายุเหลือ เกิน 6 เดือน ขอแค่อายุหนังสือเดินทางยังไม่หมดอายุก่อนวันกลับก็พอ แต่ถ้ามีเวลาขอแนะนำว่าหนังสือเดินทางอายุน้อยกว่า 6 เดือน ให้ทำใหม่ไปเลยจะสบายใจกว่า จะได้ไม่ติดปัญหากับเจ้าหน้าที่สายการบิน และ ตม.
  • โดยปกติแล้วญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไทยเดินทางเข้าง่าย ตม. ญี่ปุ่นสุภาพ ไม่ค่อยจะถามอะไรมาก แต่เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้พกแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรม เงินสด-บัตรเครดิตที่เพียงพอกับจำนวนวันที่ไปเที่ยว เผื่อเจ้าหน้าที่ ตม. ญี่ปุ่น – ศุลกากร ขอเรียกดู

Klook.com

สกุลเงิน


ประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน (JPY : Japanese yen) มีอักษรย่อว่า 円 หรือ ¥ มีหน่วยย่อยของเยน คือ เซน เงิน 1 เยน มีค่า 100 เซน อัตราแลกเปลี่ยนของเงินเยน : บาท มีค่าเท่ากับ 1 เยน : 0.30 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 18/10/15)

  • ธนบัตรที่ใช้งานมีดังนี้ : ¥1000, ¥2000, ¥5000, ¥10,000
  • เหรียญที่ใช้งานมีดังนี้ : ¥1, ¥5, ¥10, ¥50, ¥100, ¥500

ไฟฟ้า

ประเทศญี่ปุ่นใช้ระบบไฟฟ้า 100VAC / 50-60 Hz ต่างจากประเทศไทยที่ใช้ไฟ 220VAC / 50 Hz แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนมาก รองรับไฟได้ย่านกว้างอยู่แล้ว เช่น 100 – 240 VAC ตัวอย่างอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถใช้กับไฟฟ้าญี่ปุ่นได้เลย เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ iphone, Samsung และยี่ห้ออื่นๆ, ที่ชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูป

รูปลั๊กไฟญี่ปุ่นเป็นแบบขาแบน 2 ขา ไม่มีขากราวด์ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ขายในไทยบางอย่างก็เสียบได้เลย ไม่ต้องแปลง แต่บางอย่างก็ต้องใช้ Adaptor แปลง ทางที่ดีควรหาซื้อ Adaptor จากไทยไปใช้จะดีกว่า เพราะหาซื้อยากที่ญี่ปุ่น ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถขอยืมกับทางโรงแรมได้

Universal AC Adapter

Universal AC Adapter ตัวแปลงรูปลั๊กไฟญี่ปุ่น (และประเทศอื่นๆ) ให้ใช้ได้กับปลั๊กไฟประเทศไทย

ใบขับขี่สากล ใช้ขับรถในญี่ปุ่น (International Driving Permit)

ต้องขอใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ ชนิด 1 ปีเท่านั้น แบบ 3 ปีใช้ไม่ได้

แบบ 1 ปี เป็นอนุสัญญาเจนีวา 1949 ใช้ที่ญี่ปุ่นได้
แบบ 3 ปี เป็นอนุสัญญาเวียนนา 1968 XXX ใช้ที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ XXX

สถานที่ทำใบขับขี่สากล

  • สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด

เอกสารที่ต้องใช้

  1. หนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
  2. บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
  3. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล (ชนิด 5 ปี) หรือตลอดชีพ
  4. รูปถ่าย 2 นิ้ว (4 x 6 ซม.) จำนวน 2 รูป ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
  5. ค่าธรรมเนียม 505 บาท

ไม่แจกถุงพลาสติกฟรี

ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 63 ตามร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ จะเริ่มไม่แจกถุงพลาสติกฟรี หากต้องการก็ต้องเสียเงินค่าถุงพลาสติก ทางแก้ที่ดีที่สุด ควรนำถุงผ้าติดตัวไปด้วย

ของต้องห้ามนำเข้าญี่ปุ่น

อาวุธ, ยาเสพติด ของผิดกฎหมาย และ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปี 2562 ก็เป็นพวกเนื้อสัตว์ นม ของสด ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป แม้แต่อาหารที่แจกบนเครื่องบินก็ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น ให้ทิ้งลงถังขยะในสนามบิน กฎใหม่นี้เพื่อป้องกันการระบาดของโรค

กัญชา-กัญชง

เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายห้ามนำเข้าญี่ปุ่นประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะใช้ทางการแพทย์ หรือ สันทนาการ หากใช้อยู่ในไทย ตรวจสอบในกระเป๋าให้ดี อย่าให้ติดตัวไปด้วย หากฝ่าฝืน มีไว้ในครอบครองเพื่อนำเข้าและส่งออก มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน

ห้องน้ำ

ห้องน้ำในโรงแรมและสถานที่ต่างๆ เป็นห้องน้ำอัตโนมัติ มีปุ่มกดทำความสะอาด ต่างจากบ้านเราที่เป็นฝักบัวชำระ ปุ่มของชักโครกส่วนมากจะอยู่ข้างๆ ฝารองนั่ง ที่ปุ่มจะมีสัญลักษณ์บอกว่าทำหน้าที่อะไร ถึงแม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกแต่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก

ห้องน้ำสาธารณะในญี่ปุ่น มีค่อนข้างมาก เช่นสถานีรถไฟ สวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ

น้ำดื่ม

ประเทศญี่ปุ่นสามารถดื่มน้ำจากก๊อกได้ แต่ไม่ควรเปิดผ่านก๊อกน้ำร้อน เพราะเป็นก๊อกที่ผ่านหม้อต้ม อาจมีตะกรันได้ ส่วนน้ำดื่มขวด ขนาด 500 – 600 ml สามารถหาซื้อได้ง่ายตามตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญ หรือ 7-eleven ราคาประมาณ 100 – 130 เยน และน้ำดื่มขวดใหญ่ ขนาด 1 – 2 ลิตร ก็ขายในราคาใกล้เคียงกับขวดเล็ก วิธีที่จะประหยัดค่าน้ำดื่มได้ก็คือซื้อขวดใหญ่ แล้วแบ่งใส่ขวดเล็กขนาดพกพา

อาหาร

ราคาอาหารในญี่ปุ่น ประเภทข้าวหน้าเนื้อ ราเมง (อาหารจานด่วน) เช่นร้าน Yoshinoya โดยเฉลี่ยอยู่ที่จานละ 500-1,000 เยน ร้านประเภทนี้มักจะมีน้ำดื่มให้ทานฟรี ส่วนร้านที่อยู่นอกเมืองตามสถานที่ที่เที่ยว หรือ ข้าวกล่องเบนโตะในสถานีรถไฟจะมีราคาสูงกว่าปกติประมาณ 1000-1500 เยน

ร้านอาหารในญี่ปุ่นมีการคิด Tax อยู่ 2 เรท ซื้อกลับบ้าน (Take out) เรท 8% และ ทานที่ร้านเรท 10%

เบนโตะ

เบนโตะ

ถ้าจะคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการกินต่อวัน แบบคร่าวๆ แนะนำที่วันละ 3,000 เยน

มารยาทในการสั่งอาหาร

สำหรับร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านกาแฟ และ ร้านอาหารอื่นๆ แบบนั่งทานในร้าน ต้องสั่งไม่น้อยกว่าจำนวนคนที่เข้าไป เช่นไป 4 คนก็ต้องสั่ง 4 เมนู จะไปนั่งรอเฉยๆ หรือ แบ่งทานกับคนอื่นไม่ได้ หรือสั่งชามใหญ่พิเศษ 1 เมนู / 2 คน เพื่อแบ่งกันกินก็ไม่ได้เช่นกัน

ราคาสินค้า

ป้ายราคาสินค้าจะมีราคาที่ยังไม่รวมภาษี และราคาที่รวมภาษีแล้ว (ภาษี 10%) บางร้านแสดงราคาที่ยังไม่รวมภาษีตัวใหญ่ๆ เพื่อให้ดูน่าสนใจ ส่วนราคาที่รวมภาษีอาจจะเป็นตัวเล็กๆ หรือบางทีก็ไม่มีเลย ก่อนซื้อของอย่าลืมดูให้แน่ใจว่าราคานี้รวมภาษีแล้วหรือยัง

ภาษีซาโยนาระ

ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2562 ประเทศญี่ปุ่นจะมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสำหรับชาวญี่ปุ่น และ นักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกญี่ปุ่น มีอัตราภาษีอยู่ที่คนละ 1,000 เยน (ภาษีนี้ไม่รวมอยู่ในตั๋วเครื่องบิน) สำหรับภาษีที่ได้นั้นทางญี่ปุ่นจะนำไปใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยว และบริการนักท่องเที่ยว มีข้อยกเว้นไม่เก็บภาษีให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และผู้ที่อยู่ต่อเครื่องในญี่ปุ่นไม่ถึง 24 ชั่วโมง

Taxfree

ร้านค้า Taxfree

ร้านค้า และ ห้างหลายร้านมี Taxfree หรือยกเว้นยกเว้นภาษี 8-10% ให้กับนักท่องเที่ยว สำหรับการซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000-10,000 เยนขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ  เช่นดองกี้ (Don Quijote), มัตซึโมโตะ (Matsumoto Kiyoshi), ตึกม่วง Takeya จำเป็นต้องใช้ Passport ในการใช้สิทธิ Taxfree

รายละเอียด Taxfree

ฤดูกาล

มี 4 ฤดู ได้แก่

  • ฤดูใบไม้ผลิ : ปลายเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นช่วงไฮซีซั่นของญี่ปุ่น เนื่องจากอากาศไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป และเป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน
  • ฤดูร้อน : ปลายเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ช่วงนี้มีงานเทศกาลที่สำคัญหลายงาน พระอาทิตย์ขึ้นเร็วตั้งแต่ตี 4.30 น.
  • ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงไฮซีซั่นของญี่ปุ่น อากาศดี ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม แดง แล้วร่วงในที่สุด ช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกดินประมาณ 16.30 น.
  • ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – มีนาคม อากาศหนาวจัดและมีหิมะบางพื้นที่เช่นภูมิภาคฮอกไกโด เจแปนแอลป์ ฯลฯ อากาศหนาวจะไล่จากภูมิภาคด้านบนสู่ด้านล่าง

แผ่นดินไหว

ประเทศญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ควรเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ ด้วยการไม่วางสิ่งของขวางประตู มีสติ ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ โดยปกติทางการจะส่ง SMS มาให้ทางโทรศัพท์ สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ถึงแม้ว่าซิมที่ใช้เป็นซิมโรมมิ่งที่ซื้อจากไทย ก็สามารถรับ SMS ได้ แต่บางที SMS ก็มาในรูปแบบภาษาญี่ปุ่น

การทิ้งสิ่งของชิ้นใหญ่

หากกระเป๋าเดินทางพังในญี่ปุ่น แล้วต้องการทิ้ง ต้องแจ้งทางโรงแรม และจ่ายค่าทิ้งสิ่งของชิ้นใหญ่ โดยปกติจะมีค่าทิ้งประมาณ 400 – 1,000 เยน บางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายในการทิ้งสูงถึง 5,000 เยน โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างโตเกียวจะแพง และขึ้นกับการจัดการขยะของแต่ละโรงแรมด้วย

วิธีที่เสียค่าใช้จ่ายถูกกว่านี้ก็มี แต่จะมีความลำบากเรื่องของภาษา 1. ไปซื้อสติ๊กเกอร์ทิ้งของชิ้นใหญ่ที่ร้านสะดวกซื้อ 2. วางของที่ต้องการทิ้งในจุดที่กำหนด ในเวลาที่กำหนด

ถ้าพอจะซ่อม แล้วเอากลับมาทิ้งที่ไทยได้ น่าจะประหยัดที่สุด

ยาคุมกำเนิด ยาคุมฉุกเฉิน

เป็นยาที่ไม่สามารถซื้อได้เองตามร้านขายยา ต้องให้แพทย์สั่ง ยาคุมฉุกเฉินที่ญี่ปุ่นราคาประมาณ 10,000 เยน เป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับในไทย สำหรับคู่รักที่ยังไม่พร้อมมีลูกแนะนำว่าใช้ถุงยางอนามัยจะสะดวกที่สุด และถ้าจะให้ปลอดภัยให้ซื้อยาคุมฉุกเฉินจากไทยไปด้วย

ยารักษาโรค

ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยารักษาโรคไปให้พอดี นอกจากนี้ยังควรพกยาสามัญประจำบ้านติดตัวไว้ด้วย เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาอมแก้เจ็บคอ ยาคล้ายกล้ามเนื้อสำหรับผู้ที่เดินเยอะ อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบยาที่นำติดตัวไปอยู่ในรายการยา 11 ชนิดที่ทางการญี่ปุ่นสั่งห้ามนำเข้าประเทศ

รายการยา 11 ชนิดที่ทางการญี่ปุ่นสั่งห้ามนำเข้าประเทศ*

  1. TYLENOL COLD
  2. NYQUIL
  3. NYQUIL LIQUICAPS
  4. ACTIFED
  5. SUDAFED
  6. ADVIL COLD & SINUS
  7. DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
  8. DRISTAN SINUS
  9. DRIXORAL SINUS
  10. VICKS INHALER
  11. LOMOTIL

*อ้างอิงรายชื่อยาจากเว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำนครซีแอทเทิล

เวลา

ประเทศญี่ปุ่นใช้ Time zone GMT +9 เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ในช่วงหน้าหนาว เดือนพฤศจิกายน – มกราคม พระอาทิตย์ตกดินเร็ว ประมาณ 16.30 น. และช่วงหน้าร้อนพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง

ภาษา

คนญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก คนหนุ่มสาว วัยทำงานส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ และ ตามสถานที่ท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี การไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นส่วนมากยินดีที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ถึงแม้จะพูดกันคนละภาษา หากติดขัดเรื่องภาษาแนะนำให้ใช้ App “Google แปลภาษา”

Internet – wifi

สามารถใช้ฟรี wifi ได้ตามสนามบิน สถานีรถไฟสถานีใหญ่ เช่นสถานีโตเกียว สถานีอุเอะโนะ และในห้าง ร้านค้า ก็มีฟรี wifi ให้ใช้หลายแห่ง แต่ถ้าต้องการใช้ Internet ตลอดการเดินทาง สามารถซื้อ Internet Sim หรือ เช่า Pocket wifi เอาก็ได้ โดยจะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป

1. Internet Sim เจ้าที่นิยมสุดจะเป็น AIS SIM2Fly (ซื้อในไทย) เป็นซิมโรมมิ่งใช้สัญญาณของ Softbank เล่นอินเตอร์เนต 3G ได้ 8 วัน ราคา 399 บาท รับสายและโทรกลับไทยได้ในราคาประหยัด

2. Pocket wifi เป็นกล่องกระจายสัญญาณ wifi ขนาดพอๆ กับฝ่ามือ หรือเล็กกว่า สามารถปล่อยใช้งานได้สูงสุด 10 เครื่อง เหมาะสำหรับการเดินทางหลายคน แชร์กันใช้งาน ค่าเช่าใช้งานประมาณวันละ 150-270 บาท ปัจจุบันมีผู้ให้บริการรับและคืนเครื่องในไทยแล้ว

การเดินทางในประเทศ

ประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ มีเพียงบางโซนเท่านั้นที่ต้องใช้รถบัสคู่กับรถไฟ เช่นเมืองเกียวโต หรือเมืองที่อยู่ห่างไกล โดยรวมแล้วเป็นประเทศที่เดินทางได้สะดวกมาก ไปเที่ยวเองได้ง่าย แต่เสียอย่างเดียวค่าเดินทางค่อนข้างแพง

วิธีที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้คือการวางแผนก่อนการเดินทาง และเลือกใช้พาส (Pass) ให้เหมาะสมกับการเดินทาง เช่น One day pass หรือ Zone pass ในภูมิภาคต่างๆ

การสุ่มตรวจ Passport

ตั้งแต่ญี่ปุ่นฟรีวีซ่า ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้เกิดการลักลอบเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นมากขึ้น ทางตำรวจญี่ปุ่นมักจะสุ่มตรวจ Passport กับชาวต่างชาติ ดังนั้นควรพก Passport ติดตัวไว้เสมอ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน

มารยาทคนญี่ปุ่น

คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีระเบียบวินัยสูง มีมารยาท การไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ควรที่รู้มารยาท วัณนธรรมเบื้องต้น และทำตัวให้กลมกลืน

  • การขึ้นบันไดเลื่อน คนโตเกียวจะยืนชิดซ้าย ให้ด้านขวาเป็นที่เดินสำหรับคนรีบ ส่วนโอซาก้าจะสลับกับโตเกียว อย่างไรก็ตามเริ่มมีการรณรงค์การขึ้นบันไดเลื่อน ไม่จำเป็นต้องชิดด้านใดด้านหนึ่ง ในระหว่างที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยืนแบบไหน ก็ทำตามเค้าจะดีที่สุด
  • การทิ้งขยะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หาถังขยะยากมาก บางถังก็รับแต่ขวดน้ำ กระดาษ เราควรทิ้งขยะให้ตรงกับประเภท หรือเก็บขยะนั้นกลับมาทิ้งยังที่พัก
  • การให้ทิป ประเทศญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิป จึงไม่ควรให้ทิป แค่ขอบคุณก็พอแล้ว
  • การขึ้นรถไฟ ควรปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ และไม่พูดคุยเสียงดัง คนญี่ปุ่นจะไม่นิยมลุกให้เด็ก หรือ ผู้สูงอายุนั่ง คนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังให้ช่วยเหลือตัวเอง
  • การทานอาหารบนรถไฟ บนรถไฟ Shinkansen สามารถทานอาหารได้ เช่น ข้าวกล่องเบนโตะ และควรเป็นอาหารที่ไม่มีกลิ่นรบกวนคนอื่น

สถานทูตไทยในญี่ปุ่น

เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น Passport หาย กระเป๋าตังค์ถูกขโมย อุบัติเหตุ ฯลฯ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สถานทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ตามที่อยู่และเบอร์โทรด้านล่าง สถานทูตไทย อยู่ใกล้สถานี Meguro Station.

Address: 3-14-6, Kami-Osaki, Shinagawa-ku, Tokyo 141-0021

Tel : 03-5789-2433 Fax : 03-5789-2428

www.thaiembassy.jp

Post Views 44424

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

2 thoughts on “เตรียมตัวไปญี่ปุ่น เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปญี่ปุ่น

  • August 4, 2017 at 9:38 am
    Permalink

    ถึงญี่ปุ่นวันที่ 1 และ บินออกจากญี่ปุ่นวันที่ 10 ต้องนับเป็น 9 วันที่อยู่ในญี่ปุ่น ไม่ใช่เหรอครับ? เพราะวันแรกจะไม่นับ

  • August 4, 2017 at 11:18 am
    Permalink

    ตอบคุณ LM

    ตามที่คุณว่ามาเลยครับ ในเนื้อหาพิมพ์ผิด แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *