รีวิวพิพิธภัณฑ์โดเรม่อน Fujiko F. Fujio museum ตามรอยการ์ตูนดัง
ญี่ปุ่น / Fujiko F. Fujio museum พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน
รีวิวนี้ขอพาทุกคนที่เกิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 ไปย้อนรอยวัยเด็กกับการ์ตูนโดเรม่อน การ์ตูนที่มีหุ่นยนต์แมวจากอนาคตพร้อมของวิเศษมากมายคอยช่วยเหลือโนบิตะ สถานที่ที่ไปนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน (Fujiko F. Fujio museum) สถานที่รวบรวมผลงานของ Fujiko F. Fujio อยู่ที่เมืองคาวาซากิ (Kawasaki) ประเทศญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน (Fujiko F. Fujio museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของผู้ผลิตการ์ตูน และ เมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นเมืองที่ Fujiko F. Fujio ใช้เป็นสถานที่ทำงาน ตัวพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 2011 คนนิยมเรียกชื่อพิพิธภัณฑ์นี้ว่า พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นผลงานของ Fujiko F. Fujio ก็จะมีตัวการ์ตูนอื่นๆ นอกจากโดเรมอนด้วย เช่น ปาร์แมน และ คิวทาโร่
ในพิพิธภัณฑ์จะมีผลงานของ Fujiko F. Fujio เช่นต้นแบบการ์ตูนที่วาดด้วยปากกา, โตะทำงานพร้อมข้าวของเครื่องใช้ของ Fujiko F. Fujio โรงภาพยนต์ขนาดเล็ก และ ฉากในการ์ตูนไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ ปิดท้ายด้วยร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์
ซื้อตั๋วเข้า Fujiko F. Fujio museum
การเข้าชมในพิพิธภัณฑ์นั้นจะต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น (ไม่มีขายที่พิพิธภัณฑ์) ขอแนะนำช่องทางในการซื้อตั๋ว 2 ช่องทาง
- ซื้อกับ KLOOK รับตั๋วที่สนามบิน (เราทราบหลังกลับมาจากญี่ปุ่นว่าซื้อทางนี้ได้ด้วย)
- ซื้อได้ที่ร้าน Lawson ทุกสาขา กับตู้โลปปิ Loppi ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
ในรีวิวนี้เราซื้อที่ร้าน Lawson (ได้ทุกสาขา) กับตู้โลปปิ Loppi ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ การกดซื้อตั๋วนั้นค่อนข้างจะมีปัญหา เพราะเจ้าตู้นี้มีแต่ภาษาญี่ปุ่น ไม่มีภาษาอังกฤษ วิธีที่ดีที่สุดในการซื้อตั๋วคือให้คนญี่ปุ่นกดให้ อาจจะเป็นพนักงาน Lawson หรือมนุษย์เงินเดือนที่เข้าไปซื้อของในนั้นก็ได้ ควรขอความช่วยเหลือกับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้
เพื่อความสะดวกในการให้คนญี่ปุ่นช่วยกดซื้อตั๋วควรเตรียมรายละเอียดดังต่อไปนี้เขียนลงกระดาษและยื่นให้เค้าดู
Name : XXX (ชื่อภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น カタカナ)
Tel : +6686 xxx xxxx (เบอร์ประเทศไทยก็ได้)
Time : ระบุวันที่และรอบ (เข้าชมเป็นรอบดังเวลาต่อไปนี้ 10:00, 12:00, 14:00, 16:00 น.)
เมื่อจองเสร็จแล้วจะได้สลิปออกมาจากตู้ Loppi ให้นำสลิปนี้ไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์ Lawson ก็จะได้เป็นตั๋วจริง ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 700 เยน
ตู้จำหน่ายตั๋วโลปปิ Loppi
บัตรเข้าชม Fujiko F. Fujio museum
ตั๋วพร้อมแล้ว เรามาเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์โดเรม่อนกันดีกว่า
การเดินทางไป Fujiko F. Fujio museum
1. รถไฟ Odakyu : จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟ Odakyu สาย Odawara Line Exp. ไปลงที่สถานี Mukogaoka-Yuen ใช้เวลาเดินทางประมาณ 21 นาที กับค่าโดยสาร 250 เยน และเดินต่ออีกประมาณ 1.2 กิโลเมตรก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ (รวมค่าเดินทาง 250 เยน)
2. รถไฟ JR : จากสถานี Shinagawa นั่งรถไฟ JR Keihin-Tohoku/Negishi Line ไปลงที่สถานี JR Kawasaki และต่อด้วยรถไฟ JR Nambu Line ไปลงสถานี JR Noborito ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟประมาณ 38 นาที กับค่าโดยสาร 310 เยน เมื่อถึงสถานี Noborito ให้รอรถบัสไปพิพิธภัณฑ์ เป็นรถบัสสีน้ำเงินเพ้นท์ลายการ์ตูน รถออกทุก 10-15 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน (รวมค่าเดินทาง 520 เยน เหมาะกับผู้มี JR Pass)
เนื่องจากว่าเราไม่มี Pass ใดๆ เลย จึงเดินทางด้วยวิธีที่ 1 ด้วยรถไฟ Odakyu สาย Odawara Line จ่ายค่าเดินทางเบาๆ 250 เยน นั่งยาวๆ ไปลงสถานี Mukogaoka-Yuen
8:18 น. ออกเดินทางจากสถานี Shinjuku
8:40 น. ถึงสถานี Mukogaoka-Yuen
แผนที่เส้นทางจากสถานี Mukogaoka-Yuen ไปยังรีวิวพิพิธภัณฑ์โดเรม่อน Fujiko F. Fujio museum
ออกจากสถานีเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
บริเวณรอบๆ สถานีส่วนมากจะเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยมีแหล่งชอปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยว
ป้ายบอกทางในเมืองนี้เป็นตัวการ์ตูนผลงานของ Fujiko F. Fujio
ทางเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ก็มีรูปปั้นโดเรมอนและผองเพื่อน สามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง
เราเดินทางในช่วงต้นเดือนเมษายน อากาศเย็นสบาย มีซากุระบานให้ชมหลายต้น ใช้เวลาเดินจากสถานี Mukogaoka-Yuen มาพิพิธภัณฑ์โดเรม่อนประมาณ 20 นาที
ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์มีซากุระต้นใหญ่ ออกดอกสวยมาก
ในรูปบนเป็นพิพิธภัณฑ์โดเรม่อน ถ้าไม่หาข้อมูลมาก่อนคงไม่คิดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ เหมือนสำนักงาน ออฟฟิตมากกว่า ป้ายชื่อพิพิธภัณฑ์ก็เล็กเหลือเกิน
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีช่องฝากร่ม มีรหัสล๊อคด้วย
วิธีการใช้งานดูได้จากป้าย
เรามาถึงพิพิธภัณฑ์ตอน 9.20 น. ยังไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ตั๋วของเราเป็นรอบ 10.00 น.
ประมาณ 9.45 น. พนักงานก็เชิญผู้เข้าชมรอบ 10.00 น. มาเข้าแถว เดินเข้าไปใน Entrance Hall จากนั้นก็มาฟังคำแนะนำในการเข้าชม และข้อห้าม เช่นห้ามถ่ายรูปในห้องไหนบ้าง ห้ามทานอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามสูบบุหรี่ และที่ดูตลกจะเป็นห้ามนำหนูเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ เพราะโดเรม่อนกลัวหนู
ระหว่างที่บรรยายจะเห็นสีหน้าและแววตาของพนักงานที่นี่ ยิ้มแย้ม และดูน่ารัก สดใส ราวกับหนึ่งในตัวการ์ตูน
พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน Fujiko F. Fujio museum มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น แต่ละชั้นมีรายละเอียดดังนี้
ชั้นที่ 1
- Entrance Hall
- Coin Lockers Stroller Stand
- Exhibition Room I
- History Road
- Fujiko F. Fujio Study
- Museum Gift Shop
- Museum Exit
ชั้นที่ 2
- Animals’ Room
- Exhibition Room II
- Rest Corner
- Woodcutter’s Spring
- Fujiko F. Fujio Day Off
- Return Audio Guide Here
- People’s Plaza
- Manga Corner
- Fujiko F. Fujio Theater
- Kids’ Space
- Courtyard
ชั้นที่ 3
- Museum Cafe
- Gift Corner Fujikoya
- Rooftop Playground
- Piisuke’s Lake
เดินจาก Entrance Hall เข้าไปด้านในจะแจกตั๋วหนังและเครื่อง Audio Guide มีอยู่ด้วยกัน 4 ภาษา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และ อังกฤษ วิธีการใช้งานเครื่องนี้ให้กดหมายเลขหน้าของที่จัดแสดงที่ key pad ของ Audio Guide แล้วเอา Audio Guide มาแนบหู จะมีคำบรรยายสิ่งของชิ้นนั้นให้เราฟังเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะฟังภาษาอังกฤษออกหรือไม่ก็แนะนำให้รับไปครับ เดี๋ยวตอนถึงจุดคืนไม่มีคืนแล้วเค้าจะถาม เครื่องนี้ไม่มีมัดจำ ไม่มีค่าเช่า
ชั้นที่ 1 จะเป็นชั้นที่ห้ามถ่ายรูปเกือบทั้งหมด ชั้นนี้จะเป็นผลงานของ Fujiko F. Fujio มีต้นฉบับการ์ตูน ประวัติของ Fujiko F. Fujio กว่าจะมาเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังเริ่มต้นจากอะไร ชมมาเรื่อยๆ จนมาถึงโต๊ะทำงานของ Fujiko F. Fujio มีวิทยุตั้งโต๊ะ และชั้นหนังสือขนาดใหญ่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
ประวัติ Fujiko F. Fujio
1933 : เกิดที่จังหวัดโทโยมา (Toyoma) ชื่อที่แท้จริงชื่อว่า Hiroshi Fujimoto
1951 : ทำงานร่วมกับ Motoo Abiko ส่งผลงานการ์ตูนครั้งแรกเรื่อง “Tenshi no Tama-chan (The Angel Tama-chan)” ลงหนังสือพิมพ์ “Mainichi Shogakusei”
1954 : ย้ายมาอยู่โตเกียวกับ Abiko เป็นนักเขียนการ์ตูนอาชีพ ที่อยู่ในโตเกียวเป็นอพาทเม้นต์ชื่อว่า Tokiwaso (トキワ荘) เป็นอพาทเม้นต์ที่มีนักเขียนการ์ตูนชื่อดังหลายคนอาศัยอยู่ เช่น Osamu Tezuka และในช่วงนี้ได้เปลี่ยนมาใช้นามปากกาว่า Fujiko Fujio.
1961 : ย้ายมาอยู่เมือง Kawasaki มีผลงานดังๆ หลายชิ้นเกิดขึ้นที่นี่เช่น Obake no Q-taro (คิวทาโร่) , Pa-man (ปาร์แมน), Doraemon (โดเรมอน)
1987 : เลิกการทำงานร่วมกับคู่หู Motoo Abiko เนื่องจากมีความคิดที่ต่างกัน ต่างคนต่างทำงานเป็นศิลปินเดี่ยว ช่วงนี้ได้เปลี่ยนนามปากกาเป็น Fujiko F. Fujio
1996 : เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ตับ
ชั้นที่ 2 มีผลงาน Artwork รูปสัตว์ที่ตัดจากกระดาษ ชีวิตครอบครัวของ Fujiko F. Fujio โซนพวกนี้ห้ามถ่ายรูปทั้งหมด จนมาถึงบริเวณ Rest Corner และ Woodcutter’s Spring ทั้งสองโซนนี้ให้ถ่ายรูปได้
Woodcutter’s Spring เป็นฉากในการ์ตูนที่ไจแอนท์ตกลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อขึ้นมาจากบ่อจะกลายเป็นไจแอนท์หล่อ เราจะต้องโยกคันโยกขึ้น – ลง ประมาณ 7-8 ทีเพื่อให้ไจแอนท์หล่อขึ้นมา จากนั้นก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มุมนี้ไม่ควรพลาด
จากบ่อน้ำเดินข้ามมาอีกฝั่งของชั้น 2 จะเป็นจุดคืน Audio Guide
Manga Corner มุมนั่งอ่านการ์ตูน ด้านหลังเป็นห้องน้ำ
People’s Plaza เป็นพื้นที่เล่น ตู้สติกเกอร์ กาชาปอง* และมุมถ่ายรูป
กาชาปอง* คือโมเดลขนาดเล็กบรรจุอยู่ในภาชนะทรงไข่ ผู้ซื้อต้องหยอดเหรียญซื้อกับเครื่อง จากนั้นก็มาลุ้นว่าจะได้ตัวการ์ตูนอะไร
ในรูปด้านล่างตรงตำแหน่งที่พนักงานยืนอยู่จะเป็นทางเข้า Fujiko F. Fujio Theater เป็นโรงหนังขนาดย่อมฉายการ์ตูนผลงาน Fujiko F. Fujio
โรงหนังจะฉายเป็นรอบ ทุก 15 นาที
การเข้าชมในโรงหนังจะต้องใช้ตั๋วที่ได้รับพร้อม Audio Guide ยื่นให้พนักงาน สามารถเข้าชมได้เพียงรอบเดียว
ยังไม่ถึงเวลาชมหนัง แอบถ่ายรูปพนักงานไปก่อน พนักงานที่นี่น่ารักจริงๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย เค้าคัดคนมาได้เหมาะสมกับพิพิธภัณฑ์มากๆ น่ารัก ใสๆ ใครที่ใจกล้าหน่อยจะขอเค้าถ่ายรูปด้วยก็ได้นะ
พอถึงเวลาก็เข้าไปนั่งดูหนัง เป็นการ์ตูนภาษาญี่ปุ่นล้วน เอาตัวละครของแต่ละเรื่องมาผสมกัน แปลไม่ออก ได้แต่ดูรูปเอา ฉากสุดท้ายของการ์ตูนเป็นสนามหญ้า มีพนักงานมาพูดบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นต่อ จากนั้นจอหนังก็เปิดออกเป็นสนามหญ้าเหมือนในการ์ตูนเป๊ะ นักท่องเที่ยวโอ้โห อเมซิ่งกันใหญ่ จากนั้นก็เดินออกทางจอหนังที่เปิดออก
จากสนามหญ้าเดินขึ้นไปยังชั้น 3 หลังจากนี้เป็นพื้นที่ Outdoor สามารถถ่ายรูปได้หมด มีรูปปั้นตัวการ์ตูนที่เป็นผลงานของ Fujiko F. Fujio จำลองอยู่ในฉากต่างๆ
โดเรม่อนโดนสาปเป็นหิน
ปาร์แมน
ฉากแต่ละฉากทำออกมาสมจริง ถ่ายรูปออกมาสวย
ประตูวิเศษ โผล่ไปที่ไหนก็ได้
มุมสนามเด็กเล่นที่ไจแอนท์ ซูเนโอะ โนบิตะ ชอบไปเล่นกัน
โดเรมีก็มากับเค้าด้วย
เดินชมจนหิวก็มี Museum Cafe ให้บริการ เมนูอาหารจะมีหน้าตาเหมือนตัวการ์ตูน และมีขนมในการ์ตูนด้วย เช่นโดรายากิ ของโปรดของโดราเอมอน
ชมทั้ง 3 ชั้นจบก็เดินลงมาที่ด้านล่างแวะร้านขายของที่ระลึก Museum Giftshop ตรงทางออก มีของเยอะ ราคาก็แพงพอสมควรเลย
รวมแล้วเราใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยรวมแล้วก็เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ชมสนุก มีมุมให้ถ่ายรูป เล็กๆ น้อยๆ ส่วนรายละเอียดต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาอังกฤษ อาจจะฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเอาทีหลังได้
จากพิพิธภัณฑ์โดเรม่อนไปสถานี Noborito รอรถบัสได้ที่หน้าพิพิธภัณฑ์เลยครับ แต่ถ้าจะไปสถานี Mukogaoka-Yuen จะต้องเดินไป
รีวิวนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ในตอนต่อไปเราจะพาไปเที่ยวรอบๆ โตเกียวกันต่อครับ
Post Views 16175