รีวิวร้าน Chocolate Ville ร้านอาหารสไตล์ยุโรป เส้นเกษตร-นวมินทร์
ร้าน Chocolate Ville (ช๊อกโกแลต วิลล์) เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ช่วงปลายปี 2011 อยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ใกล้กับแยกนวมินทร์ สไตล์ของร้านจะเป็นสวนอาหารนานาชาติเช่น ไทย เยอรมัน อิตาเลี่ยน บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ มีอาหารอร่อยๆ ไวน์หลากหลาย ภายในร้านจะตกแต่งแบบบ้านชนบทในต่างประเทศ มุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย คล้ายๆ กับ บ้านน้ำเคียงดิน ที่ถนนอักษะ ภายใต้คอนเซ็ป “Dining in the Park” ร้านอาหารสมัยนี้อร่อยอย่างเดียวไม่พอแล้วครับ ต้องมีสถานที่ให้คนถ่ายรูปสวยๆ พอคนไปกินแล้วถ่ายรูปลง Facebook, Pantip ก็จะสร้างกระแสใน Social media ให้เป็นที่รู้จักได้ ชื่อ “ช๊อกโกแลต วิลล์” เป็นชื่อของทางร้าน ทางร้านไม่ได้มีช๊อกโกแลตขายนะครับ
จาก Facebook ของ Chocolate Ville บอกว่าวันเสาร์ที่เราจะไปมีโต๊ะ 30% ถูกจองไปหมดแล้ว ที่เหลือ 70% จำนวนโต๊ะทั้งหมดมีประมาณ 200 โต๊ะ สำหรับลูกค้า walk in ถ้าอยากจะไปทานก็ต้องไปตอน 4 โมงเย็น หรือไม่ก็หลัง 20.30 น. ถึงจะได้ทาน แสดงว่าคนมากินเยอะมากๆ เลยตัดสินใจว่าไหนๆ ก็มาแล้วต้องมาทานให้ได้ เลยมาถึงร้านตั้งแต่ตอน 4 โมงเย็น ร้านเปิดพอดีครับ
ที่หน้าร้านจะมีกังหัน ตั้งอยู่ริมถนน หาไม่ยากครับ มองเห็นแต่ไกลเลย ถ้ามาจากแยกนวมินทร์ทางร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ
ตอน 4 โมงเย็นคนยังมากันไม่ค่อยเยอะ หาที่จอดรถสบายเลยครับ แต่ถ้ามาหลัง 6 โมงเย็นที่จอดรถจะหายากมาก ต้องไปจอดริมถนนแล้วเดินเข้าร้าน
บ้านสีเทาเป็น Office ของร้าน Chocolate ville เห็นติดป้ายว่า Information
ส่วนบ้านหลังสีแดงทำคล้ายปั๊มน้ำมันในต่างประเทศ ชื่อบ้าน HOME TOWN General store & Gas Station มองเข้าไปในบ้านเห็นเป็นพื้นที่โล่งๆ ยังไม่ได้ทำอะไร
Souvenirs Cap T-shirts Postcards โซนด้านหน้าตรงนี้น่าจะทำเป็นร้านขายของที่ระลึก
ทางเดินเข้าไปในร้าน จัดสวนตกแต่งสวยงามมาก
สะพานแขวนข้ามลำธารเล็กๆ มุมนี้ตอนเย็นๆ ถ่ายรูปสวยครับ
รูปบน บ้าน Summerset Cottage
ในร้าน Chocolate Ville จะมีบ้านสไตล์ยุโรป, อเมริกาอยู่หลายหลัง หลายมุม ไม่ซ้ำกัน บ้านแต่ละหลังเป็นบ้านจริงๆ ครับ ไม่ใช่ฉากจำลอง
เห็นร้าน Chocolate Ville สวยขนาดนี้ อยากทราบกันไหมครับ เจ้าของ Chocolate Ville คือใคร?
เจ้าของ Chocolate Ville ชื่อคุณวิน สิงห์พัฒนกุล ผู้เป็นทั้งเชฟ ผู้บริหาร และเจ้าของร้าน โดยใช้งบประมาณ 500 ล้าน บนพื้นที่ 16 ไร่ในการสร้าง Chocolate Ville ขึ้นมา ซึ่งเป็นร้านที่ทำต่อจากร้านไวน์ชื่อดัง Wine I Love You ร้านนี้หนุ่มสาวออฟฟิตน่าจะรู้จักกันดี
รูปบน บ้าน The Bell House มีตุ๊กตาหิมะตั้งอยู่หน้าบ้าน
เข้ามาด้านในแล้วติดต่อกับพนักงาน ตรงถังไวน์ ให้พนักงานหาโต๊ะที่นั่งให้ พนักงานผู้หญิงจะแต่งตัวคล้ายกับพนักงานร้านอาหารในโรงแรม ชุดน่ารักดีครับ
ขนาดว่าเรามาตอน 4 โมงเย็น ยังมีคนมารอกินอยู่หลายกลุ่มเหมือนกัน
และแล้วเราก็ได้ที่นั่งอยู่หลังต้นไม้ ให้ต้นไม้บังแดดให้ ส่วนที่นั่งในร่มมีคนจองเต็มไปหมดแล้ว ตอน 4 โมงเย็นอากาศค่อนข้างร้อนครับ ยังไม่ค่อยมีลม ถ้าตั้งใจว่าจะมาทานข้าวที่นี่ผมแนะนำว่าให้จองล่วงหน้า แล้วมาถึงร้านประมาณ 18.30 น. บรรยากาศจะดีมาก ลมเย็น แสงสวย
โต๊ะเราอยู่ใกล้กับรูปปั้นพ่อ-ลูกตกปลา ติดริมน้ำ นั่งๆ ไปมีเป็ดว่ายน้ำผ่านมาด้วย
จริงๆ แล้วเราเพิ่งจะทานข้าวเที่ยงกันตอนบ่ายโมงครึ่ง ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เลยสั่งอาหารเบาๆ มาทานซัก 3 อย่าง กินบรรยากาศไป
1. สปาเก็ตตี้เผ็ดแน่ จานละ 175 บาท
2. พิซซ่าหน้าแฮมและเห็ด ถาดละ 215 บาท
3. มันฝรั่งทอดอบเกลือ 105 บาท
เปิดดูเมนูอาหารเห็นว่าราคาปรับไปจากเดิมเกือบทุกเมนู มีกระดาษสีขาวแปะราคาใหม่ปิดทับราคาเดิม เดาว่าราคาตอนร้านเปิดตัวใหม่ๆ อาหารน่าจะราคาถูกกว่านี้
ระหว่างรออาหาร ลองเปิด wifi ดูเจอ wifi ของร้านอยู่หลายจุดมาก ใช้ได้ฟรีครับ ไม่ได้ Lock password ผมลองถ่ายรูปแล้วอัพขึ้น facebook ก็โอเคเร็วดี
หลังจากสั่งอาหารไปแล้วประมาณ 10 กว่านาทีอาหารก็เริ่มทยอยเสริฟ
สปาเก็ตตี้เผ็ดแน่ จานนี้เผ็ดกำลังดี หอมเครื่องเทศ เส้นผัดกับเบคอน รสชาติเข้าเนื้อดีครับ
พิซซ่าหน้าแฮมและเห็ด โรยชีสมาให้เยอะแต่แฮมและเห็ดไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แป้งแบบบางกรอบ แต่ดูเหมือนจะบางมากเกินไปหน่อย ที่แป้งด้านล่างของพิซซ่าไหม้เยอะมาก เกินครึ่ง เวลากินต้องขูดเอาหน้าออก แล้วเอาแป้งที่ไหม้ทิ้ง
เฟรนฟราย มาพร้อมกับน้ำจิ้ม 2 แบบ ในน้ำจิ้มใส่กระเทียมลงไปด้วย แปลกๆ ดีครับ
หลังจากทานอาหารได้ซักพัก คนก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 โมงกว่าๆ โต๊ะก็เต็มหมดแล้วครับ ใครจะทานก็ต้องรอคิว รอคนที่มาก่อนเช็คบิลไป แต่ระหว่างรอก็เดินไปถ่ายรูป ดูโน่นดูนี่ได้เพลินๆ ทางร้านมีมุมที่ตกแต่งสวยๆ ไว้ให้ถ่ายรูป ถ่ายรูปได้ตามสบายเลยครับ
แสงช่วงเย็นจะเหมาะกับการถ่ายรูปมาก เลยแว๊บแฟนมาถ่ายรูปรอบๆ เอาบรรยากาศยามเย็น ให้แฟนนั่งเฝ้าโต๊ะไปก่อน
ป้ายทางเข้าด้านหน้า Chocolate Ville
โซนนี้ในอนาคตผมว่าเค้าคงจะทำเป็นร้านค้า แต่ตอนนี้ทางร้านเอาเก้าอี้มาวาง จัด Prop ทำเป็นมุมให้คนมาถ่ายรูป
มุมนี้ (รูปบน) มาถ่ายรูปเล่นๆ ได้ครับ ไม่ต้องทานข้าวที่นี่ก็ถ่ายรูปได้
โซน Canal cafe บ้านริมน้ำ
เข้าไปในฝั่งร้านอาหารอีกครั้ง หลังจากได้เดินชมรอบๆ แล้ว ยอมรับเลยว่าเค้าจัดร้านได้สวยมาก มุมแต่นะมุมสวยไม่ซ้ำกัน มองแล้วไม่น่าเบื่อ
เรือลำเล็กๆ จอดอยู่ริมฝั่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่แถวท่าเรือยอร์ช
สำหรับคอไวน์ ที่นี่มีไวน์หลายชนิดให้เลือกซื้อกัน ที่ขายไวน์จะอยู่ในบ้านฝาผนังอิฐในรูปด้านบนครับ ชื่อร้าน Old town Wine cellar เดี๋ยวเราจะเข้าไปข้างในกัน
ข้างในมีพนักงานผู้หญิงอยู่ ผมขอเค้าถ่ายรูปด้านใน เธอยิ้มและให้ถ่ายได้ครับ
ราคาไวน์ที่ขายจะเริ่มที่ประมาณ 850 บาท จนไปถึงขวดละหลายพัน เป็นไวน์นำเข้าจากหลายที่เช่นอิตาลี, แคลิฟอเนียร์, ออสเตรเลีย, ชิลี, ฝรั่งเศส ฯลฯ
ออกจากร้านไวน์ก็เจอกับบ้านสีขาวชื่อ Rose wood inn บ้านหลังนี้คล้ายๆ กับบ้านแถวสวิสเซอร์แลนด์ มีไม้สีน้ำตาลพาดที่ตัวบ้าน ส่วนชื่อ Rose wood inn น่าจะทำให้คล้ายกับโรงแรมตามต่างจังหวัดในต่างประเทศ
ส่วนศาลาในรูปร่างมีชื่อว่า THE OAK TREE Family Restaurant
เดินมาจนสุดร้านเจอกับโรงจอดเรือ RIVER BOAT HOUSE และมีเรือจอดอยู่จริงๆ ด้วยครับ ยอมรับว่าเค้าทุ่มทุนสร้างจริงๆ
บ้านกระจกสีขาวในรูปล่าง สร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ผมว่าถ้าทำเป็นร้านกาแฟก็น่าจะดูโอเคนะครับ
จำนวนโต๊ะอาหารในร้าน Chocolate Ville มีเยอะมาก แต่นั่งกันสบายๆ ไม่ได้อยู่ใกล้กัน พอจะมีบรรยากาศส่วนตัว
เห็นคนเริ่มมากันเยอะ เราเลยเช็คบิลดีกว่า จะได้มีที่นั่งให้คนมาใหม่ ราคาค่าอาหารดังนี้ครับ
1. สปาเก็ตตี้เผ็ดแน่ จานละ 175 บาท
2. พิซซ่าหน้าแฮมและเห็ด ถาดละ 215 บาท
3. มันฝรั่งทอดอบเกลือ 105 บาท
4. น้ำแข็งถัง 30×2 = 60 บาท
5. แป๊ปซี่ขวด 30×2 = 60 บาท
6. น้ำเปล่าขวด 20×2 = 40 บาท
7. ชาหอมเก๊กฮวย 55 บาท
รวมทั้งหมด 710 บาท
ราคาอาหารที่นี่ไม่คิดค่า Service charge นะครับ
เช็คบิลเสร็จแวะไปชมในห้องน้ำหน่อย ห้องน้ำทำดีมากครับ สะอาดหรู ดูดีมาก ติดแอร์เย็นสบายที่นี่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
อันนี้เป็นรูปปั้นตรงทางเข้าห้องน้ำ ปั้นสวยมิติดีมาก เหมือนจริงเลย แต่สัดส่วนจะเล็กกว่าคนจริง
ก่อนกลับแวะเก็บบรรยากาศยามเย็น อีกซักรอบ ดูมุมสูงกันบ้าง ขึ้นบันไดข้างๆ ร้าน Old town Wine cellar แนะนำนิดนึงนะครับ ผู้หญิงใส่กระโปรงไม่ควรขึ้น พื้นด้านบนเป็นซี่ๆ คนด้านล่างมองขึ้นไปจะเห็นได้ครับ
มองไปจนสุดกำแพงร้าน Chocolate Ville ถัดไปน่าจะเป็นหมู่บ้านจัดสรร
บรรยากาศยามเย็น
น้ำพุหน้าบ้านสีขาว FARMVILLE DAIRY BARN
VILLAGE POST OFFICE หรือที่ทำการไปรษณีย์
ในรูปบนจะเป็นประภาคารของทางร้าน วันที่เราไปเค้าไม่ได้เปิดให้ขึ้น
เดินไปเรื่อยๆ ใกล้จะเจอทางออกแล้วครับ
คนเริ่มมากันเยอะแล้ว
ศาลาทรงโดมกลม THE CONSERVATORY GARDEN
Village Market delight
พอมืดปุ๊ปทางร้านเปิดไฟประดับสวยงาม
แวะถ่ายรูปก่อนกลับ
และแล้วเราก็ได้เวลากลับบ้านแล้วครับ รีวิวนี้ขอจบแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่เพียงเท่านี้ครับ เดี๋ยวทริปหน้า จะพาไปเที่ยวต่างประเทศที่ฮ่องกง มาเก๊า ไว้รอชมนะครับ 🙂
สรุป
ร้าน Chocolate Ville เป็นร้านที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป และบ้านชนบทของอเมริกา ทำได้สวยงามมาก บรรยากาศให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ ส่วนอาหารผมคิดว่าพอใช้ได้ครับ เนื่องจากผิดหวังจากพิซซ่าที่ไหม้ด้านล่างเกือบทั้งชิ้น ส่วนการบริการก็อยู่ในขั้นดีครับ มีพนักงานคอยรินน้ำให้ เรียกก็มาไว ถึงร้านจะคนเยอะมากแต่ก็รออาหารไม่นานครับ
ที่นั่งทานอาหารมากกว่า 60% เป็นที่นั่งแบบไม่มีหลังคา ถ้ามาตอนฝนตกอาจไม่มีโต๊ะนั่ง
สิ่งที่ดูเหมือนจะขาดไปสำหรับร้าน Chocolate Ville น่าจะเป็นดนตรีสดครับ สำหรับร้านระดับนี้
สำหรับคนที่อยากจะมาถ่ายรูป แต่ไม่ได้มาทานข้าว ก็มาถ่ายรูปที่ด้านหน้าได้นะครับ (ไม่ใช่โซนที่ทานอาหาร) ทางร้านมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูป ไม่เสียค่าเข้าครับ
แผนที่ร้าน Chocolate Ville (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
การเิดินทางมาร้าน Chocolate Ville
ถ้ามาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้วิ่งตรงมาทางถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) จนถึงถนนนวมินทร์ จะเจอไฟแดงให้ขับตรงไป (ตรงแยกนี้ถ้าดูแผนที่จาก Google map จะไม่เห็นถนนเส้นนี้ เพราะเพิ่งสร้างใหม่) ผ่านอู่รถเมล์ หลังจากนี้ให้มองหากังหันสีน้ำตาลทางด้านซ้าย แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดในร้านได้เลย แต่ถ้ามาช้าที่จอดรถในร้านจะเต็มต้องจอดข้างถนน
เมนูอาหารแนะนำร้าน Chocolate Ville
– ซี่โครงหมูบาบีคิว
– ขาหมูเยอรมัน กรอบนอกนุ่มใน เสริฟพร้อมกับข้าวเหนียว
– พิซซ่าเบคอน
– Foie gras (ตับห่าน)
– สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าไข่เยิ้ม
ตัวอย่างราคาอาหาร (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้โปรดตรวจสอบกับทางร้านอีกครั้ง)
– สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ 185 บาท
– พิซซ่าหน้าไส้กรอกอิตาเลียน 205 บาท
– พิซซ่าทะเล 245 บาท
– Fish & Chip 275 บาท
– สเต็กสันนอกจักรวาล 560 บาท
– ยำสามกรอบ 180 บาท
– ยำปลาดุกฟู 180 บาท
– ลาบหมู 165 บาท
– ขนมปังกระเทียม 95 บาท
– ต้มข่าไก่ 160 / 280 บาท
– ต้มยำกุ้ง น้ำข้น หรือน้ำใส 180 / 320 บาท
– เนื้อผัดน้ำมันหอย 180 บาท
– หมึกไข่นึ่งมะนาว 320 บาท
– หมึกทอดกระเทียมคั่วกรอบ 250 บาท
– ซี่โครงหมูซอสน้ำผึ้ง Half pack 5 ชิ้น 395 บาท, Full pack 7 ชิ้น 495 บาท,
– Foie gras ตับเป็ดคาราเมลกล้วยหอม 285 บาท
– Foie gras ตับเป็ดซอสสามรส 385 / 600 บาท
– สลัดปูนิ่ม 270 บาท
– ค่าเปิดเหล้า 500 บาท
– เบียร์สิงห์ 80 บาท, เบียร์ช้าง 80 บาท, Heinaken 85 บาท, Spy 65 บาท
ร้านเปิดเวลา เปิดทุกวัน 16.00 – 0.00 น.
บริการอื่นๆ ถ่ายรูป Pre – wedding? วันธรรมดา 7,000 บาท, เสาร์ – อาทิตย์ 10,000 บาท (ราคายังไม่รวม Vat 7%)
ค่าอาหารต่อหัว 200 บาทขึ้นไป
ติดต่อร้าน / จองโต๊ะ www.facebook.com/chocolateville โทร 083 0773738
วันที่ไปรีวิว 25 กุมภาพันธ์ 2555
อุปกรณ์ Canon EOS 500D + Kit 18-55IS , Len Sigma wide 10-20 mm
Update ข้อมูลใหม่โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของร้าน? Chocolate Ville 18/3/13
1. ทางร้านรับจองโต๊ะทุกวัน
2. พื้นที่ 100% เปิดจอง 40% สำหรับลูกค้าwalk-in 60%
3. วันจันทร์ ถึง พฤหัสบดี จองล่วงหน้า1-2 วันก่อนหน้าค่ะ
4. วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จองล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ค่ะ
5. ทางร้านเปิด 16.00-24.00น. สามารถเข้ามาเดินถ่ายรูปได้ตั่งแต่ 15.30น.ค่ะ (หากต้องการสั่งอาหารต้องรอร้านเปิด 16.00น. นะค่ะ)
6. ทางร้านไม่เสียค่าเข้านะค่ะ
7. สำหรับที่จอดก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนกันค่ะ
Post Views 95797
ไปมาเมื่อวาน (22มีนา55) ราคาอาหารปรับขึ้นทุกอย่าง
อาหารออกเร็วมาก เหมือนอาหารทำไว้แล้ว แต่ละอย่างไม่มีความอุ่นจากเตา
ขาดความใส่ใจมากๆ
เคยไปครั้งแรกเดือนกุมภา อาหารช้า แต่อร่อยทุกอย่าง ราคาแพงแต่อร่อย
ก็อนุโลมได้
แต่เมื่อวาน ขอบอกว่า ไม่ไปอีกแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ
รีวิวได้ละเอียด..ดีมากเลยครับ
อยากไปชิมไวน์ในบรรยากาศแบบนี้มั่งจัง
พนักงานรับรถมารยาทแย่มากค่ะ รถธรรมดาจะจอดไม่สนใจหาที่จอดให้ทั้งที่มาถึงก่อนเปิดไฟขอทางจะเข้าจอดแต่กลับไล่ให้ไปหาที่จอดตรงอื่นแล้วให้พวกรถ BMW กับรถหรูๆจอดอย่างดี เป็นสิ่งที่ทางผู้บริหารและเจ้าของควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างยิ่งเพราะลูกค้าทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะขับรถรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร แต่เค้าก็มีเงินที่จะมาอุดหนุนคุณ คุณไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้ เพราะดิฉันเองก็ไปรับประทานอาหารที่ร้านนี้มาแล้ว 3 ครั้
ง และจ่ายเงินแต่ละครั้งไม่เคยต่ำกว่า 3,500 บาทเลย และดิฉันเองก็ยังคงแนะนำให้เพื่อนๆและญาติๆมาร้านนี้เช่นกัน กลับเจอปัญหาเดียวกัน แต่พอป๊าดิฉันขับ SLK เข้ามาจอดกลับให้จอดที่จอดอย่างดี มีหลังคาที่ยื่นจากตัวบ้านออกมา
ถ้าขับมอเตอร์ไซด์ไปจะต้อนรับมั้ย มีที่จอดหรือป่าว
อยากไปครับ สรุปไปไม่ไปดีล่ะเนี่ย
ไปมาวันนี้ รสชาติ อาหาร ทานไม่ลง. บรรยากาส ให้ 10 เต็ม 10. พนักงาน จดรายการอาหารผิด สั่งอย่างได้อย่า ง.
รีวิวดีมากเลยค่ะ ..
น่าเสียดายที่เจ้าของลงทุนทำร้านเสียสวย แต่มาตกม้าตายเพราะอาหารและพนักงาน ..
ดูในทีวีตอนแรกน่าสนใจมากเลย แต่พอเจอคอมเม้นต์ต่างๆ ก็คงทิ้งไว้สักพักให้รสชาติอาหารและบริการดีกว่านี้ก่อน ..
วันนี้จะไปทานข้าวเย็นร้านนี้พอดี วันเกิดเพื่อนอ่ะครับ เพิ่งแวะเข้ามาอ่านรีวิว แล้วจะกลับมาแชร์ให้ฟังกันนะคร๊าบบบบบ
สวยมาก แต่อ่าน comment แล้ว ไม่อยากไปและ
บรรยากาศดีมาก แต่เรื่องการบริการไม่ค่อยสนใจลูกค้าตกออเดอร์ ร่มที่โต๊ะเวลาลมแรงมันลอยขึ้นมาเหมือนจะหลุด ถ้าหาอะไรมายึดไว้กับพื้นหน่อยคงจะดี ปรับปรุงอีกหน่อย จะดีมากเลย
ต้องจองโต๊ะก่อนหรอคะ หรือถ้าไปแล้วค่อยไปติดต่อ
ไปทานมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ววันเกิดเพื่อน บรรยากาศได้คะแนนเต็ม แต่อาหารไม่อร่อย รออาหารไม่นานก็จริงแต่อาหารที่ควรจะเสริฟร้อนก็รู้สึกว่าไม่ร้อน อย่าง pizza ทำได้แย่มาก พนักงานเหมือนไม่ได้ train มา ไม่กระตือรือร้น ส่วนราคาถือว่าไม่แพง สรุปร้านสวยบรรยากาศดี ราคาพอรับได้ แต่อาหารและบริการถือว่าไม่ผ่านสำหรับร้านที่ลงทุนไปขนาดนี้
ผมในฐานะ เด็กปั๊มคนหนึ่ง … ผมว่าหลายครั้งที่ลูกค้าเรื่องมากเกินไป…(จริงอยู่ที่คุณเสียเงินมา)ถ้าจะให้ได้อย่างใจทุกอย่างผมแนะนำให้เปิดเองครับ..หรือทำทานเองที่บ้าน (ผมคิดว่าฝีมือการทำอาหารของผู้ comment หลายท่าน เยี่มมมากกกเลยทีเดียว 555+)
ถึงเด็กปั๊ม
ผมว่าคุณคงไม่ค่อยจะมีเงินออกไปหาอาหารทานข้างนอก หรือเชื่อมั่นว่าฝีมือทำอาหารคุณดีมากเหมือนที่ปากคุณดีนะ และก็กรุณาอ่านให้ดีว่าคนเขาเสียดายเงินมากนักหรือเปล่าเพราะเท่าที่อ่านคอมเม้นส่วนใหญ่เขาเสียดายความรู้มากกว่า ก่อนที่จะมีความเสียดายเงิน ผมว่าคนที่เขาไปทานอาหารในสถานที่แบบนั้น เขาก็ต้องมีเงินในกระเป๋าเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ
เป็นตรรกะที่แย่มาก เวลามีคอมเมนท์อะไร ก็จะอ้างว่าทำไมไม่ม่ทำเอง
เขาติตามความรู้สึก คนทำธุรกิจมีหน้าที่ทำให้สินค้าตัวเองมีคุณภาพดีที่สุด ไม่ใช่ว่าลูกค้าติแล้วบอกว่าให้มาทำเอง
ถึงเป็นคนอื่นก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าใช้ตรรกะแบบนี้
ถ้าเป็นเด็กปี๊มจริง ลองบอกเจ้าของปั๊มซิ ว่าผมทำงานได้แค่นี้ ถ้าอยากได้เด็กปั๊มดีๆ ก็มาทำเอง ส่วนเจ้าของปั๊มก็คงบอกว่าถ้ากูทำเองกูทำได้ดี กูเลยเจริญรุ่งเรื่องมาเป็นเจ้าของปั๊ม ตอนนี้กูสอนคนอื่นได้หมด ส่วนคนที่สอนไม่ได้ ก็ออกไป กูหาคนที่สอนได้ดีกว่า ไม่ใช่ธุระที่ต้องทำเอง
จริงอยู่ว่าความต้องการของลูกค้าแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน และ ลูกค้าบางคนก็จู้จี๊เหลือเกิน อันนี้ผมยอมรับ…แต่ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็จะต้องเจอแบบนี้…ซึ่งแนวคิดการแก้ไขปัญหา และ Attitude ของคนก็ไม่เหมือนกัน
1)ระดับพนักงาน (Poor Service mind & Low Qualify)
– แก้ไขปัญหาไม่ได้ Improve ไม่เป็น
– มีปัญหา,ทะเลาะ,ไล่ ลูกค้า
– พูดก่อนคิด (คิดน้อย)
– ชักสีหน้า
– พูดแต่ปัญหา แต่ ไม่มี Solutions ในการแก้ไขปัญหา
– ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง (KPI)
– ทำงานไปวันๆ (เช้าชาม เย็นชาม)
2) ระดับจัดการ จนถึง เจ้าของร้าน
– Customer is the King
– Complain is the gift
– นำปัญหาของลูกน้อง และ ลูกค้า มาคิดว่าจะปรับปรุงแก้ไขยังไง ทั้งในระยะสั้น,ระยะกลาง และ ระยะยาว
– ให้การ Training กับพนักงานบริการ (สร้างจิตสำนึกให้กับพนักงานทราบว่า ลักษณะของงานบริการคืออะไร,สิ่งใดควรทำ,สิ่งได้ไม่ควรทำ,การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นควรทำอย่างไร,การสื่อสารกับลูกค้า)
– Set KPI ให้กับลูกน้อง และ ผลตอบแทนพิเศษ
– จ้างลูกน้องมาทำงาน แก้ไขปัญหา .. ไม่ได้จ้างมาสร้างปัญหา
– เข้าใจลักษณะ+ปัญหา ของธุรกิจการบริการ
– สร้างแบรนด์ และ จุดขาย
– ดูตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จเป็นแบบอย่าง แล้วนำมาปรับใช้ตามความเหมาะสมกับงานของตัวเอง
ทำไมธุรกิจบริการ ร้านอาหาร ดังๆ ที่มีหลายๆสาขาเขายังสามารถตอบสนองความต้องการส่วนใหญ่ของลูกค้าได้ เช่น MK, Macdonal, KFC, 13$, การบินไทย, S&P,โรงแรมใหญ่ๆ,Amezon (กินที่ไหน,เมื่อไหร่ ก็คุณภาพเดียวกัน)
ในโลกนี้จึงมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ และ คนที่ล้มเหลว เพราะ แนวคิดในการดำเนินชีวิตต่างกัน..
ไม่มีอะไรที่ Perfect ในโลกนี้…แต่ต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าพรุ่งนี้
ไปมาวันนี้บรรยากาศ 10 เต็ม 10 รสชาติอาหาร 10 ให้ 7 บริการ 10 ให้ 7
เสียค่าจอดรถ หรือค่าเข้าก่อนหรือเปล่าค่ะ
ตอบคุณ Gaga
ไม่เสียค่าที่จอดรถครับ
ผมไม่ค่อยจะมีเงิน แต่ผมไม่เคยสนใจในราคาอาหารหรือรสชาติ ผมกินเอาบรรยากาศ
และความสุนทรีนย์ของการรับทานอาหาร ไม่สนใจพนักงานจะบริการยังไง เพราะยังไงเราก็เป็นคนสั่งมาทาน
เขาคงไม่มาป้อนเราหรอก ทานไปชมบรรยากาศไป ถ่ายรูปไปพลางๆ จะมีสักกี่ที่ในกรุงเทพ ที่มีที่ไม่เหมือนอยู่ในกรุงเทพ เพราะฉะนั้นถ้าไปแล้วอย่าไปคิดมากเรื่องที่คอมเม้นกันเลย ต้องไปประเมินด้วยตัวเอง 555+
ขอให้ทุกคนเที่ยวให้มีความสุขครับ
บริการโอเคนะครับ ไม่ได้ถึงกะแย่แบบนั้น(มีตั้ง1000โต๊ะจะให้มารองรับอารมณ์คนเป็นพันอย่างน้อยต่อวันไม่ไหวหรอกครับผมว่าเรื่องแบบนี้เราต้องดูลูกค้าด้วยว่าเรื่องเยอะไหม) แต่อาหารเฉยๆๆแต่ปากใครปากมันครับไม่ลองเองไม่รู้หรอก บรรยากาศใช่ได้เลย สวยมาก ไปแล้วสั่งมาแค่สองสามอย่างก็พอครับ ที่เหลือถ่ายรูปดีกว่าอิอิ
ไปมาเมื่อปลายเดือนสิงหาคม บรรยากาศเอาคะแนนเต็มไปเรย หรูหรา เลิศเลอ ดูดีมาก แต่ต้องพัฒนาบริการค๊ พนักงานเหมือนบ้าน ๆ ไม่ได้ฝึกมา เสริฟซ้าย-ขวา มั่วไปหมด แก้วก้อสับกันไปสับกันมา หรือว่าคนในโต๊ะเยอะเกินไปก้อม่ะรุ แต่ก้อน่าจะมีระบบกานจัดการที่ดีก่านี้ อาหารอิตาเลี่ยนรสชาติดีมาก เค้าเน้นอาหารฝรั่ง ม่ะช่ายอาหารไทย อาหารไทยรสชาติทำมะดา ราคาก้อสมเหตุสมผล รวม ๆ แร้ว ผ่านค๊
ความคิดแบบนี้ ถึงเป็นได้แค่เด็กปั้ม !!! เฮ้อออ อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบให้คนด่า
ไปทานมาแล้ว ขอบอกตามตรงว่า อาหารห่วยแตกมาก เย็นชืด โดยเฉพาะหอยแครกลวก เลือดกลายเป็นสีดำ เย็นและใกล้จะเน่าแล้ว พิซซ่ายิ่งแย่ใหญ่ทั้งแข็งทั้งเย็นไม่เคยกินพิซซ่าเช่นนี้มาก่อน ผิดหวังมากๆๆ แถมราคาค่อนข้างแพง ที่ดูดีอยู่อย่างเดียวสถานที่สวยงามมากเหมือนเมืองนอก ถ้าทางร้านไม่มีแผนกQ.C.อาหารละก้อ
รับรองอีกไม่นาน เตรียมตัวปิดกิจการได้
วันนี้ไปมา พนักงานก่อนเข้าไปในร้าน(หรือรปภ.ไม่แน่ใจ เสื้อดำๆ)
แย่มากเลยครับ ชักสีหน้าทำเหมืิอนรำคาญ
ผมก็เลยรำคาญพาลไม่กินบ้าง
ลักษณะโดยรวมแล้วดูคล้ายๆ กับ “บ้านน้ำเคียงดิน” ที่พุทธมณฑลสาย 3 แต่ดูใหม่กว่า..เรียกได้ว่า Copy กันมาเลย..แต่ความต่างตรงที่พนักงานทั้งหมดทั้งมวล..นั่นทำให้สถานที่ดูด้อยค่าลงไป..รวมทั้งอาหารที่เต็มเปี่ยมด้วยราคา แต่ขาดคุณภาพ..ถ้าผู้บริหารยังไม่ลงมานั่งดูความเคลื่อนไหวในสิ่้งเหล่านี้ก็คงจะเป็นได้แค่เพียงสถานที่ที่..คนมาแค่ถ่ายรูป..ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..แต่คงไม่มี “ลูกค้า” ที่จะมานั่งอยู่กับบรรยากาศที่ได้รังสรรค์ปั่นแต่งมาจนถึงขนาดนี้ได้…น่าเสียดาย..อยากให้ผู้บริหารใส่ใจมากกว่านี้..ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้..จะดีกว่านี้ถ้านำกลับไปปรับปรุงด้วยครับ
ไปมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค. โดยรวมให้9/10 บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงสวยค่ะ (แต่คนเยอะมาก คนต่างชาติ(เด็กจีน)ไม่ค่อยมีมารยาทด้วยจะถ่ายรูปก็มาขวางให้ยั่วเยี๊ยะไปหมด) เรื่องอาหาร แม้จะเย็นชืดไปหน่อย แต่ได้ไว บริการไม่น่าเกลียดมากนัก รดชาติใช้ได้ โดยเฉพาะของหวาน อร่อยจนจะกลับไปทานอีกค่ะ
อ่อ ลืมบอกไปค่ะ มีที่จอดมอเตอร์ไซด์นะคะ เพราะฉันก็ขี่มอไซด์ไปเองค่ะจอดด้านหน้าเลย..ข้างๆที่เป็นกังหันลมอะค่ะ
อาหารนั้นไม่สำคัญ อยากไปถ่ายรูป ฮ่าๆๆๆ
ตอนแรกดูในทีวี อยากลองไป แต่พอมาอ่านความคิดเห็น+ราคา+บริการในนี้
กินข้าวหน้าปากซอยเหมือนเดิมดีกว่า
อาหารจะอร่อยแค่ไหน ไม่กี่นาทีหลงจากกินเข้าไปมันก็ ออกหมด(ทางล่าง) สมมต กินไป 3500บาท บรรยากาศดี แต่ พอออกจากข้างล่างไป เท่ากับว่า 3500บาท ลงส้วมไปแล้ว บรรยากาศน่ะเรอะ หลับคืนเดียวก็ลืมไปหมดแล้ว
เก็บเงินให้ลูกไปกินข้าวจานละ 30 บาทที่ โรงเรียนดีกว่า
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ
ปล. เราจะไปกินก็ต่อเมื่อ มีเงินมากกว่า 10 ล้านบาท
ปล2
สำหรับบางคนที่บอก พนง ต้อนรับ(รถ)บริการไม่ดีกับรถ เก่าๆ และบริการดีกับรถหรู แพงๆ นั้น ผมคิดว่า พนง คนนั้นคงจะคิดว่า รถหรูจะให้ทิพย์เยอะกว่ารถเก่าๆน่ะครับ (จากประสบการที่ผ่านมา)
อยากไปอ่ะครับ แต่อ่าน Comment แล้ว หวั่นๆ อิอิ จะไป วันครบรอบ 2 ปีแฟนอ่ะครับ แล้วผมขับ มอไซไปนี่เขาจะดูแลไหมเนี่ย
ปล.ผมขับ Kwasaki Ninja 650[ER6F]หวังว่าคงจะดูแลหน่อยนะครับ ไม่ใช่ดูแล แต่พวกขับ Benz
ตอบคุณ MaKoTo
Kawasaki Ninja 650 ก็ไม่ธรรมดาแล้วนะครับ แพงกว่ารถเก๋งบางคันอีก ผมยังอยากได้เลย 🙂 ยังไงก็จองโต๊ะไปก่อนนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา
อ่านกระทู้มาหลายกระทู้ หลายเวปแล้ว
ต้องไปดูสถานที่จริงสักครั้ง แล้วครับ
เอ้อ อ่านแล้วลังเลมากเลย กำลังต้องการหาที่จัดเลี้ยงต้อนรับครอบครัวลูก กลับมาจากต่างประเทศ ดูบรรยากาศ ดีจัง แต่คอมเม้นท์เรื่องอาหาร นี่ก็น่ากลัว อยากได้ทั้งบรรยากาศและอาหารที่ทานได้ ไม่ใช่เย็นชืด และการบริการที่ชวนเสียอารมณ์ แหม เสียดายยย
เอาแค่ซี่โครงหมูบาบีคิวที่ทางร้านแนะนำและสั่งแทบทุกโต๊ะนั้นจานละ 500.- เท่านั้นเอง มีอยู่ประมาณ 10 ซี่โครงกระดูกเห็นจะได้ ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย กระดูกหมูทอดกระเทียมร้านเจ๊อ้อยหน้าปากซอยอร่อยกว่าและแทะออกมาเป็นเนื้อ ๆ ได้มากกว่าเยอะ นานาจิตตังครับ ใครว่าอร่อยก็เชิญอร่อยตามอัธยาศัย แต่เพื่อนนั่งโต๊ะเดียวกันส่ายหน้ากันทุกคน แพงเกินเหตุ เอาแค่เมนูเดียวพอ ไปกันผู้ใหญ่ 4 เด็ก 3 หมดไปเกือบ 3 พันบาท ขนาดเห็นราคาแต่ละเมนูแล้ว สั่งแบบไม่เบิ้ลแล้วนะเนี่ย.ย กินเสร็จสรุปว่าไม่มาซ้ำแน่นอน อ้อ..เตือนไว้ก่อนได้ยินเพื่อนเล่าว่าเอาเหล้าไปเองคิดค่าเปิดขวด 500.- นะจ๊ะ
เพิ่งไปมาวันนี้ น้องจัดงานฉลองวันเกิด เป็นไปอย่างที่มีคนคอมเม้นต์เอาไว้จริงๆ พนักงานที่ลานจอดเป็นตามที่หลายๆคนว่าไว้ เลือกรถที่จะโบกจอด คันหน้ามาก่อนแท้ๆ วนมา 3 รอบ ก็ไม่โบกให้จอด พอเจอ Benz E220 วิ่งไปโบกอย่างกับขอทาน เห็นแล้วอนาถใจ
อีกไม่นานเจ๊งแน่ อาหารรสชาติธรรมดา รายการอาหารในเมนูก็ยกเลิกไปเยอะมากๆ มีจุดเด่นที่บรรยากาศ สถานที่ การตกแต่ง แต่อย่าลืมว่าบริการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เดือนแรกดีมากค่ะ หลังๆไม่ดี อาหารออกแนวฝรั่ง กินได้แค่
เมี่ยงหอย แม่ครัวจากระเบียงไม้ พนง.ไม่กีะตือรือร้นเลย
ไปกินโรงแรมดีกว่า
พอดีร้านนี้อยู่ใกล้บ้านแฟนค่ะ
เรียน ท่านเจ้าของเว็บไซท์ค่ะ
ทางร้านChocolate ville ต้องขอขอบพระคุณสำหรับการนำเสนอรีวิวและข้อมูลของร้านมากๆเลยนะค่ะ แต่มีข้อมูลที่ทางร้านมีการเปลี่ยนแปลงรบกวนท่านเจ้าของเว็บนี้เปลี่ยนข้อมูลให้ตรงกับทางร้านด้วยนะค่ะ
1.ทางร้านรับจองโต๊ะทุกวัน
2.พื้นที่ 100% เปิดจอง 40% สำหรับลูกค้าwalk-in 60%
3.วันจันทร์ ถึง พฤหัสบดี จองล่วงหน้า1-2 วันก่อนหน้าค่ะ
4.วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จองล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ค่ะ
5.ทางร้านเปิด 16.00-24.00น. สามารถเข้ามาเดินถ่ายรูปได้ตั่งแต่ 15.30น.ค่ะ (หากต้องการสั่งอาหารต้องรอร้านเปิด 16.00น. นะค่ะ)
6.ทางร้านไม่เสียค่าเข้านะค่ะ
7.สำหรับที่จอดก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนกันค่ะ
ขอบพระคุณมากๆค่ะ
อยากทราบว่าหากเราเดินเท้าเข้าร้าน
( ไม่มีรถขับเข้าไป )
จะได้รับการบริการอย่างเท่าเทียมกันมั้ยครับ ?
ตอบคุณ เงิบ
ถ้าเข้าไปถึงโซนร้านอาหารแล้ว เค้าไม่รู้หรอกครับว่าใครขับรถอะไร หรือว่าเดินมา วันไหนอากาศดีๆ ฝนไม่ตก ลองไปทานดูครับ 🙂